Trip | กระบี่ ตรัง


นานมาแล้วครับที่ผมไม่ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มหาลัย และครั้งนี้เองก็ได้โอกาสจองทัวร์ไปกับเพื่อนอีก 3 คน คนอื่นอาจจะแปลกใจว่าทำไมเที่ยวไทยไม่ไปกันเอง เพราะว่าทริปนี้ไปไกลถึงจังหวัดกระบี่และเราอยากเที่ยวหลายๆที่ อย่างะสะดวกสบาย จึงได้จองทัวร์ที่ EzyTrip ซึ่งเราก็ออกเดินทางตั้งแต่


วันที่ 2 เมษายน 2553 ด้วยรถทัวร์ที่บางซื่อ เวลา 19.00 น. ครับ ซึ่งเริ่มแรกเลยกว่ากลุ่มผมจะครบก็เป็นกลุ่มเกือบสุดท้ายแล้ว ก็แน่นอนว่าพวกเราเป็นกลุ่มวัยรุ่น[ตอนปลาย]นิครับ




วันที่ 3 เมษายน 2553 ก็กินข้าวที่โรงแรมแล้วก็ออกเดินทางไปดำน้ำกันเลยครับ
ไปที่แรกก็คือทะเลแหวกก็จะเป็นลักษณะเกาะสามเกาะที่มีหาดทรายเชื่อมต่อกันซึ่งหาดทรายสวยมากๆ ละเอียดอย่างไม่มีที่ติเลย
ดูจากรูปก็ไปแหวกกันมาด้วยท่านี้ไกด์เป็นคนคิดให้แต่ละคนก็อายกันทั้งนั้นทำได้อย่างรวดเร็ว ส่วนที่ต่อไป ก็จะไปดำน้ำที่เกาะกระดาน เกาะเชือก ซึ่งแต่ละเกาะก็จะมีจุดเด่นไม่เหมือนกันเจอปะการังที่ไม่เหมือนกัน และสัตว์แต่ละที่ก็ไม่เหมือนกัน และที่ประทับใจอีกที่นึงก็ไปดูหมู่เกาะพีพี สวยมากๆ ได้ลงไปดำน้ำ แต่ไม่ค่อยได้ดูด้านล่างเพราะว่าแมงกระพรุนเยอมากเลย แล้วเราก็ไปพักกินข้าวที่อ่าวมาหยาซึ่งที่นี่คนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะฝรั่งจะมาเที่ยวเยอะ ตรงสถานทีนี้เคยโดนคลื่นซึนามิด้วยซึ่งดูๆ แล้วเสียวเหมือนกันแฮะ
ส่วนมื้อกลางวันแม้จะเป็นอาหารกล่องรสชาติไม่ถูกปากแต่ก็กินจนหมดอีกตามเคย กินแตงโม กับสับปะรดเป็นผลไม้ด้วย ถ้าใครไปเกาะนี้ เค้ามีบริการห้องน้ำที่ฝั่งด้วยนะ ไม่ต้องไปปลดปล่อยในน้ำทะเลรบกวนชาวบ้าน เสร็จแล้วเรือก็พาพวกเราไปที่หาดของเกาะพีพี พี่ไกด์ก็บอกว่าไม่ต้องเอารองเท้าไปก็ได้ พวกเราก็ลงมาเดิน ปรากฎว่าคนอื่นใส่กันหมดเลย เริ่มแรกก็ไม่ค่อยร้อน แต่พอเดินไปเรื่อยๆ เท้าเกือบจะพองแนะ มีซื้อโรตี กับขนมปังกินระหว่างทาง แล้วรีบไปที่เรือเพื่อใส่รองเท้า พอรอคนครบ เรือก็พาเราไปดำน้ำอีก ที่นึงซึ่งก็ค่อนข้างจะลึกแล้วฝนก็เริ่มตก หนาวมากๆ แต่ทางไกด์ก็ยืนยันจะพาเราลงดำน้ำดูให้ได้ เมื่อดำได้ไม่นานก็ขึ้นเรือ แล้วก็นั่งเรือลุยฝนกับฝั่งเลย เมื่อถึงฝั่งตัวยังแฉะอยู่ก็ขึ้นรถทัวร์กลับที่พักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไปกินข้าวที่ร้านสุวิมล มื้อนี้มีอาหารทะเลเพียบแต่ผมไม่กินเนื้อสัตว์ก็กินแต่ผักกับไข่ แล้วก็กลับที่พักหมดแรงนอนหลับตั้งแต่ สองทุ่มครึ่ง

วันที่ 3 เมษายน 2553 เช้านี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงง ว่าเราหลับไปตอนไหนเพราะจำได้ว่าตอนนั้นกำลังดูโทรทัศน์อยู่ ลงมารับประทานอาหารเช้าแล้วก็เก็บข้าวของขึ้นรถ เมื่อกลุ่มเราขึ้นรถเสร็จไกด์ก็บอกว่าครบแล้ว รู้สึกผิดเลย เพราะว่าพวกเรามาถึงรถกลุ่มสุดท้ายอีกแล้ว
ขึ้นรถเดินทางไปอีกจังหวัดตรัง แล้วก็ลงเรือ(ใหญ่กว่าเมื่อวาน) เรือก็พาพวกเราไปดำน้ำในที่ต่างๆ ว่าแต่จำชื่อไม่ได้ว่าดำที่ได้บ้าง แต่บางทีแมงกระพรุนเยอะเหลือเกิน พวกเราดำ ประมาณ 3 ที่แล้วก็ขึ้นมากินข้าวแล้วเตรียมพร้อมไปดู Unseen Thailand Hi-light ของวันนี้ก็คือที่ ถ้ำมรกต และไกด์ก็มองเห็นถึงศักยภาพของเราว่าเป็นกลุ่มผู้ชายที่มีแรงเยอะ เลยให้เป็นคนแถวหน้าที่จะพาทุกคนในเรือนำเข้าสู่ถ้ำมรกต
ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอะไร เพราะว่าคนด้านหลังก็ช่วยผลักเราเช่นกัน เมื่อถึงแล้วก็รีบถ่ายรูปกันใหญ่เลย ข้างในก็เหมือนกับเราไปเที่ยวน้ำตก เพราะมีแค่ต้นไม้กับน้ำ แต่เป็นน้ำเค็มจากทะเล และแน่นอนว่าทำไมต้องเรียกว่า ถ้ำมรกตเพราะเวลาออก ตอนว่ายน้ำกลับ ถ้ำจะเป็นสีเขียวที่เกิดจากการสะท้อนของแสงแดดกับน้ำทะเล สวยมากๆเลย แล้วพวกเราก็นั่งเรือกลับที่พักกันแล้วก็ถ่ายรูปกันกระหน่ำเลย

เมื่อเรือจอดถึงฝั่งก็มีมาขายรูปด้วย เหมือนสถานที่ต้องเที่ยวเลยซึ่งเราก็ไม่ซื้อแค่ดูเฉยๆ แล้วก็นั่งรถกลับที่พัก เพื่อกินข้าวเย็น แล้วเพื่อนของเพื่อนก็พาพวกเรา(4คน)ไปเดินตลาดนัดกลางคืนได้ สมุดทำมือกับที่ติดตู้เย็น แล้วก็ไปกินติมซำที่โรงน้ำชาด้วย กลับที่พักดูโทรทัศน์แล้วก็นอน ตอน 5 ทุ่ม

วันที่ 4 เมษายน 2553 วันนี้จะได้ไปเที่ยวถ้ำ (

ถ้ำเลเขากอบ

 )ด้วยซึ่งตอนแรกเราก็นึกว่าจะไม่มีอะไรสวยงามแต่ที่ไหนได้สนุกดี ต้องนั่งเรือแล้วก็ไปแวะถ้ำซึ่งแรกๆ ก็ได้ถ่ายรูปดูหินย้อยแบบเป็นๆ ด้วย แบบตายก็มี งง ไม ทำไมหินย้อมมีเป็นมีตาย เพราะว่าหินพวกนี้ห้ามคนไปโดนมันเลยเพราะ 1 ปี จะงอกได้แค่ 0.03 มิลลิเมตร และถ้าหากหินย้อยตายมันก็จะไม่โตอีกเลย ดังนั้นต้องระวัง ส่วนตอนลอดท้องมังกรก็เป็นส่วนที่เสียวมากเลยพร้อมต้องรองราบไปกับเรือและ Size แต่ละคนก็เล็กๆ ทั้งนั้น ในความเชื่อว่าหากได้ลอดท้องมังกรจะถือว่าเป็นความโชคดี ซึ่งถ้ำที่มีทางลอดเหมือนท้องมังกร ในโลกนี้มีแค่สามที่เท่านั้น มีที่ จีน ไทย และอีกที่ผมจำไม่ได้  แล้วก็ทานข้าวบนรถ แล้วไปว่ายน้ำต่อที่สระมรกต และบ่อน้ำร้อน ซึ่งร้อนได้ใจมากๆ พอเล่นเสร็จก็อาบน้ำอย่างสบายกาย
ซึ่งเป็นโชคดีของผมเพราะtrip นี้เวลาเหลือ ไกด์เลยพาพวกเราไปที่วัดถ้ำเสื้อซึ่งเค้าเชื่อว่าถ้าได้ไหว้ที่วัดนี้แล้ว จะทำมาค้าขายขึ้น และผมได้ได้ไหว้พระและนั่งรถกลับถึง กรุงเทพในวันที่ วันที่ 4 เมษายน 2553 เวลา 4.45 น. 


จบแล้วครับTrip นี้ 


*หากเนื้อหาตรงไหนผิดก็ขออภัยนะครับจะ comment แนะนำอะไรเพิ่มกันได้ครับ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)