บันทึกตาปลา(Corns)

ผมยังจำได้ว่าคุณแม่ผมมักจะบ่นว่าเจ็บบริเวณฝ่าเท้าและมีเม็ดขึ้นตรงฝ่าเท้าใกล้ๆนิ้วก้อย ซึ่งในตอนแรกผมและพี่สาวสันนิษฐานว่ามันคือซีสต์ หรือเป็นแค่หนังด้านๆขึ้นมา คุณแม่ผมชอบใส่รองเท้า Flipflop เพราะว่าใส่สบาย แต่คุณแม่ผมก็บ่นว่ารองเท้านี้ทำให้รูปเท้าคุณแม่เสียทรง (ประมาณว่ารูปบานออก) เป็นผมถ้ารองเท้าใส่สบายๆใครๆก็อยากใส่จริงไหม

วันหนึ่งคุณแม่ไปหาหมอที่ศิริราชเพราะคุณแม่มีประกันสังคมที่นั่น โรงพยาบาลรัฐคนเยอะมากการจะพบหมอต้องใช้เวลานาน วันแรกให้คุณหมออายุรกรรมดูที่เท้าคุณแม่ หมอก็บอกว่าน่าจะเป็นตาปลาแล้วคุณหมอก็นัดหมอศัลยกรรมให้คุณแม่ แต่ต้องมาวันจันทร์หน้า คุณแม่ผมกลับมาบ้านพร้อมบอกผมว่าแผลน่าจะเป็นตาปลา

ด้วยความเป็นคนรุ่นใหม่(แต่อยู่มานาน) มีอะไรก็ต้อถาม Google ก็เข้าไปอ่าน ดูวิธีการรักษาซึ่งก็พบว่ามีทั้งแบบผ่า แบบจี้ หยอดกรดอ่อนๆ พลาสเตอร์ คว้านเอง อะไรต่างๆ มากมายซึ่งคุณแม่ฟังแล้วก็ไม่อยากทำทั้งนั้นเพราะทุกวิธีการมันเจ็บตัวกันหมดเลย

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2014 คุณแม่ผมไปพบคุณหมอตามที่นัดหมาย ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่คุณแม่ก็โทรมา แล้วก็บอกว่า กำลังอยู่ที่ห้องรอตรวจซึ่งอาจจะต้องผ่า หรือต้องจี้ออก แต่คุณแม่พูดเป็นนัยๆว่า เดี๋ยวดูก่อนถ้าผ่าไว้นัดอีกครั้งนึง หลังจากวางสายจากผมไป ผมก็ทำงานไปเรื่อยๆ

สองชั่วโมงผ่านไป

ผมนึกขึ้นได้เลยโทรไปหาคุณแม่อยากรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณแม่บอกว่า "กำลังจะจี้ออกตอนนี้กำลังฉีดยาชา อุ้ยๆ เจ็บ " ผมตกใจตอนคุณหมอรักษาทำไมยังรับสายได้ไงเนี้ย คุณแม่ผมบอกว่าเดี๋ยวทำก่อนนะ จากนั้นผมก็วางสายครับ

เมื่อผมกลับมาถึงบ้านเท้าแม่ก็โดนพันรอบๆ เลย
ความรู้ใหม่ที่คุณแม่เล่ามาครับ 
ตาปลาที่เกิดบนฝ่าเท้าคุณแม่เกิดจากการกดทับเสียดสีเป็นเวลานาน เพราะว่ารองเท้านั้นไม่เหมาะกับรูปร่างเท้าทำให้บริเวณเท้าเสียดสีจนทำให้ผิวหนังสร้างชั้นผิวหนังจนหนาและเป็นเม็ดทำให้เจ็บ
วิธีการรักษา
หากกดแล้วเจ็บ ควรรีบรักษาโดยแพทย์ครับ ไม่ว่าจะผ่า หรือจี้ออกก็ได้ ถ้าปล่อยไว้ก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อย
ผ่า - ฉีดยาชา แล้วก็กรีดเอาตาปลาออก
จี้ - ฉียาชา ใช้เหล็กร้อนๆ จี้ผิวหนังรอบๆ จนตาปลาหลุด
แต่ก็มีการรักษาทางเลือกคือ
การใช้กรดครับ แต่ผมว่าให้คุณหมอตรวจสอบดีกว่าว่าควรรักษาอย่างไร 

วันอังคารที่ 4 มิถุนายน 2014 ผมพาคุณแม่ไปล้างแผลครับซึ่งไปแค่โรงพยาบาลใกล้ๆบ้านเมื่อไปถึงก็ตรวจความดัน พบหมอแล้วก็แกะผ้าพันแผล

 ครั้งแรกที่ผมเห็นก็ตกใจครับ ทำไมแผลใหญ่จังเพราะว่าตอนที่เห็นตาปลาก็ไม่ได้ใหญ่ซักเท่าไหร่

นางพยาบาลนำสำลีจุ่มน้ำเกลือเช็ดแผล แล้วก็จุ่มเบตาดีน จากนั้นเอาแอลกอฮอลเช็ดรอบๆแผล จากนั้นก็ใส่ครีมยาแก้อักเสบแล้วก็พันแผลครับ คุณแม่ผมต้องมาล้างแผลทุกวัน

ใช้เวลาล้างแผลไม่นาน แต่คุณหมอที่นี่คุยเก่งเลยคุยกับคุณหมอขอความรู้ซะเลย

คุณหมอบอกมาว่า
คนอายุมากจะมีโอกาสเกิดได้ง่าย หากคนไหนเดินมากๆ ควรจะใส่รองเท้าผ้าใบ ไม่ควรใส่รองเท้าแฟชั่นเพราะว่าจะไม่มีระบบการกระจายน้ำหนักที่เหมาะสม

หากมีเวลาต้องสปาเท้าทาครีมให้เนื้อนุุ่มๆ อย่าปล่อยให้เนื้อด้านนานๆ เพราะอาจจะทำให้เกิดตาปา

ส่วนเรื่องการรักษาคุณหมอจะเป็นคนดูเองว่าควรผ่ารึเปล่า ถ้าหากว่าผ่า ก็จะเย็บได้แผลก็จะหายเร็ว แต่เนื้อบริเวณที่แม่ผมเป็นนั้นเย็บลำบากเลยต้องล้างแผลไปเรื่อยๆ รอให้เนื้อเติมขึ้นมาเองครับ
 ขอแสดงอีกภาพชัดๆครับ
 จะเห็นรอยดำๆ ซึ่งก็คือรอยไหม้นั้นเอง เพราะว่าโดนเหล็กร้อนๆ จี้ครับ

วันที่ห้าแล้วครับคุณแม่ต้องมาล้างแผลทุกวันเพื่อไม่ให้แผลติดเชื้อครับ ทุกๆวันผ้าสีขาวจะเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ เพราะว่าเท้าต้องใช้เดินเป็นประจำและคุณแม่เลยบอกพยาบาลว่าช่วยล้างขาให้หน่อย เพราะว่าบริเวณนั้นไม่สามารถโดนน้ำได้

นางพยาบาลคนนี้เลยจัดเต็มครับใช้สำลีจุ่มน้ำเกลือแล้วก็ใส่Betadine สำหรับล้างแผลครับ ล้างจนสะอาดเลย ความรู้สึกของคุณแม่คือจะเย็นๆไม่แสบแผลแต่จะเป็นฟอง


แม้จะผ่านมา 5 วันแต่แผลก็ยังใหญ่อยู่เลย คงจะต้องรอค่อยๆตื้นเองครับ แผลแดงใช้ได้นางพยาบาลบอกว่าหากแผลซีดจะไม่ดีครับ  หลังจากเปิดแผลแล้วก็ล้างแผล


ครั้งนี้แปลใหม่วิธีของนางพยาบาลครับ คือใช้เข็มฉีดยาดูน้ำเกลือผสมเบตาดีนแล้วก็ฉีดเข้าไปที่แผลครับความเสียวคือพี่พยาบาลใส่เหล็กด้วย



การฉีดแบบนี้พี่เค้าบอกว่าจะทำให้แผลสะอาด เพราะว่ามีแรงดันน้ำช่วยชะล้างครับ จากนั้นก็พันแผลเพื่อไม่ให้เชื่อโรคเข้าแผล
ครั้งนี้คุณแม่บอกว่าขอให้พันให้แน่นเพื่อที่จะได้ไม่หลุด เลยโดนเลยจัดเต็มพันถึงข้อเท้าเลยครับ


เวลาผ่านไปแล้ว 10 วันครับคุณแม่เบื่อกับการเดินทางไปล้างแผลทุกวันเลยขออุปกรณ์จากโรงพยาบาลมาทำเอง ผมล้างให้คุณแม่เลยได้มีโอกาสถ่ายรูปวิธีการล้างแผลมาให้ชม(อีกแล้วหรอ)

การล้างแผลเองนั้นทำได้ไม่ค่อยสะดวกเหมือนที่โรงพยาบาลเพราะสถานที่อุปกรณ์ไม่ครอบ แถมประสบการณ์ก็น้อย  ตอนทำก็ตื่นเต้นดี ชอบเอาสำลีกดแผลคุณแม่เล่น (โรคจิตจริงๆ เรา ก็อยากให้แผลสะอาดไง) แผลคุณแม่ดีขึ้นเรื่อยๆครับ แต่ตอนทำยังมีอาการเจ็บนิดๆ
หลังจากแก้ผ้าพันแผลแล้วเราก็เช็ดน้ำเกลือหนึ่งรอบ จากนั้นก็เช็ดน้ำเกลือผสมเบตาดีน แล้วก็เช็ดแอลกอฮอล์รอบๆ แผลครับ(ห้ามเช็ดที่แผลนะครับ จะแสบและทำลายเนื้อเยื่อ)

ก่อนปิดแผลก็ใส่ครีมยาแก้อักเสบครับ เหมือนหนอนเลย เนอะ (แม่บอกว่าทำไมไม่วนเป็นวงกลม)


จากนั้นก็ปิดแผล เนื่องด้วยทำไม่ค่อยเป็นก็เลยไม่ค่อยสวย แต่ความสะอาดเป็นเลิศ (รึเปล่า)


หากมีความรู้หรืออะไร Update จะมาเขียนเพิ่มครับ

คุณแม่อดทนนะครับ สู้ๆ


face2cu

ความคิดเห็น

  1. เห็นแผลแล้วเข้าใจเลย คงเจ้บมาก
    สู้สู้ ครับ

    ตอบลบ
  2. เพิ่งไปผ่ามา เข้าวันที่ 2 แล้ว ยังเจ็บมากอยู่เลยค่ะ แต่หมอบอกว่าไม่ต้องไปล้างแผล ให้รอครบ 7 วันแล้วมาตัดไหมเลยค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เสียววันนี้ต้องไปผ่าแล้ว

      ลบ
    2. สู้ๆ ครับ ขอให้หายไวๆ นะครับ

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน