face2cu

สวัสดีครับ วันที่ 23/12/2012 เกิดอะไรไม่รู้ทำให้ผมไปดูหนังเรื่อง Life of Pi ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยคิดจะดูจนกระทั่งได้ไปอ่านบทความต่างๆแล้วก็รู้สึกอยากดูขึ้นมา ครั้งนี้ผมไปดูแบบสามมิติครับ จากรูปให้ผู้อ่านลองสังเกตอะไรดีๆ ครับ กับตั๋วมีอะไรผิดแปลกกับการดูหนังสามมิติของผมครั้งนี้ ให้หาได้ comment ด้านล่างเลยครับ (รับรางวัลเป็น การอ่าน blog ต่อไปละกัน ^_^) ทำไมถึงแนะนำให้ไปดูครับ 1. เนื่อหา ไม่ซับซ้อนมากครับ ที่บอกว่าจบแบบหักมุมนั้นก็ยังดูรู้เรื่อง เนื้อเรื่องดำเนินต่อเนื่อง มีฉากตื่นเต้นตลอดทำให้ไม่น่าเบื่อเลย 2. องค์ประกอบ ฉากหนัง นั้นทำได้สวยงามมากครับ 3. ผู้กำกับชื่อดัง (เกี่ยวมั้ย) หนังเรื่องนี้มีเป็น version หนังสือด้วย หากมีเวลาอาจจซื้อมาอ่านครับ ชอบๆ เนื่อเรื่อง (ยังไม่สปอย ใครจะดูก็ลองอ่านได้ครับ) เริ่มต้นที่การสนทนาของพายและนักเขียนคนนึง ซึ่งจุดประสงค์ก็คือ ทำยังไงให้ผู้เขียนนั้นศรัทธาในศาสนา พายจึงได้เล่าเรื่องในวัยเด็กตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่อินเดีย การใช้ชีวิต จนกระทั่งพบคนรักและต้องจากลาจากคนรัก พายและครอบครัวเดินไปแคนาดาทางด้วยเรือ แต่เรือนั้นก็กลับโดนพายุลูกให

อยู่ๆคุณแม่ผมก็บอกว่าอยากดูหนังเรื่องภัยพิบัติ ซะอย่าง ซึ่งก็รู้สึก งง ว่าทำไมต้องอยากดู พอเห็นราคาแล้วก็ไม่คิดมากเพราะว่า ราคาไม่แพง 19 บาทเอง เป็นหนังเก่า ซื้อมาเอาใจแม่ครับ พอผมดูจบแล้ว รู้สึกประทับเรื่องนี้มากๆครับ เพราะแตกต่างกับหนังภัยพิบัติอื่นๆ ซึ่งอาจจะมีช่วงที่น่าเบื่อ หรือช่วงที่แบบลุ้นกันตัวโก่ง แต่หนังเรื่องนี้กลับเน้นเรื่องราวหลังเกิดภัยพิบัติมากกว่า เนื้อเรื่องที่ผมเขียนนี้อาจจะเป็นการสปอยหนัง แต่ก็เชื่อว่าเรื่องนี้หากได้ไปชมก็ยังมีแง่มุมให้ประทับใจอีกมากมาย เริ่มเรื่อง ที่ครอบครัวหนึ่งมี พ่อ แม่ และลูกฝาแฝดชายหญิง ฐานะปานกลาง ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองถังซาน แต่แล้วเมืองนี้ก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ผู้เป็นพ่อนั้นเสียชีวิตทันที ส่วนแม่ซึ่งได้รับบาดเจ็บก็พยายามที่จะตามหาลูกชายและลูกสาว ภายใต้ซากตึกอาคารนั้น มีลูกชายลูกสาว ซึ่งต่างก็มีคาขนาดใหญ่ทับอยู่ สัญญาแห่งความหวังคือ ลูกชายและลูกสาวของเธอนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ในการช่วยเหลือด้วยเวลาที่ไม่ทราบว่าจะมีแผนดินไหวอีกครั้ง และแรงคนที่จะมาช่วยมีจำกัด ทำให้เธอนั้นต้องตัดสินใจว่าจะเลือกลูกสาว หรือลูกชาย เธอก็อยากช่วยท

วันที่ 23 ตุลาคม 2555 ผมตื่นตอน 6 โมงเช้า ทานข้าวแล้วก็มีตากล้องจากเขมรมาขายรูป ซึ่งถ่ายออกมาก็ไม่ค่อยดีมาก แต่เห็นถึงความพยายามก็อุดหนุดพี่เค้าครับ จนเวลา 9 โมงผมก็นำกระเป๋าลงมาที่ Lobby เพื่อเตรียมขึ้นรถ เมื่อออกจากที่โรงแรมแล้ว ทางไกด์ก็เตรียมพาเราไปที่วัดแหล่งนึง ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญ เพราะเป็นทุ่งสังหาร ไกด์เล่าเหตุการณ์ต่างๆซึ่งแฝงไปด้วย อารมณ์เจ็บปวด(มากไปไหม)  บริเวณสวนนี้ ไกด์บอกว่า ถ้าหากยังขุดก็จะเจอศพอีกมากมาย ทางรัฐบาลจึงยกเลิกการขุด ที่นี่จะมีบอร์ดรูปภาพเก่าๆ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยผู้นำที่ฝักใฝ่ระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะว่าผู้นำมีพื้นเพเกิดมาจากฐานะยากจน จึงเกลียดคนรวย จนกระทั่งได้รับการสนับสนุนจากจีน ได้ยึดอำนาจจากษัตริย์และขึ้นเป็นใหญ่ ท่ามกลางความไม่รู้ของคน ได้ออกอุบายเรื่องการส่งคนที่มีรู้ด้านภาษาให้แสดงตัว โดยแจ้งว่าจะส่งไปเรียนที่เมืองนอก แต่ทราบภายหลังบุคคลเหล่านั้น ถูกสังหารโดยใช้ไม้ไผ่ตีเข้าที่ท้ายกระโหลกจนเสียชีวิต คนที่อยู่ก็ถูกใช้งานเยี่ยงทาส โดยมีอาหารประทังชีวิตแค่วันละถ้วย ส่วนผลผลิตทั้งหมดกลับถูกส่งไปประเทศจีน ดูจากรูปครับ เป็นกระโหล

บทความนี้เป็นบทความพี่เศษเนื่องจากผมเห็นว่าสถานที่ผมไปมานั้นสวยงามมาก ผมตั้งใจทำ Clip ขึ้นมา แม้จะไม่ค่อยสมบูรณ์ก็ตาม แต่ผมก็ภูมิใจกับ clip มากครับ เลยขอสรุปรวบรวมอีกครั้งในหน้าเดียว สถานที่จะพาไปคือ ปราสาททั้งสี่ปราสาท และวัดของประเทศกัมพูชาที่มีความงดงามระดับโลกเลยทีเดียว ไปชมกันเลยครับ หากอยากทราบรายละเอียด หรือดูรูป ลอง click ที่ My Blog นะครับ ปราสาทพนมบาเค็ง (Phanom Bakheng) My Blog ปราสาทบนยน (Bayon) My Blog ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) My Blog วัดบันท้ายศรี (Banteay Srei Temple) My Blog ปราสาทนครวัด (Angkor Wat) My Blog หวังว่า หากท่านไม่เคยไปและอยากจะไป ลองไปดูครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน สวัสดีครับ face2cu

หลังจากที่ได้ชม วัดบันท้ายศรี เจ้ากล้องถ่ายรูปของผมก็เริ่มไม่ไหวแล้วแบตหมดจนปิดเครื่องเลย ต้องรอลุ้นว่าถ้าไปถึงนครวัดแล้วจะเปิดได้มั้ย ซึ่งพอบอกกับพี่ๆ เค้าบอกว่าที่ต่อไปที่จะไป คือ hilight เลยที่นี่วิวเยอะมาก แย่เลยเราแบตก็หมดความหวังสุดท้ายก็คือเพื่อนพบ ซึ่งอาการก็คล้ายๆ กันคือใกล้จะหมดแล้ว ระหว่างทางนั่งรถก็เห็นสายฝนปรอยๆ ก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไร พอถึงปราสาทนครวัดก็เห็นถึงความยิ่งใหญ่แต่ฝนก็ดันตกหนักมากเลยครับ ตกแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย แต่ถามว่าจะล้มเลิกมั้ย ไม่ครับ มาถึงแล้วก็ต้องไปให้ได้ ว่าแล้วก็เอาร่มขึ้นมา 1 คัน สองคนเบียดกันเดินลงไป ลุยฝนครับ ปราสาทสุดท้ายค่อนข้างชุ่มช่ำมาก นำนี้เข้ารองเท้าเต็มๆ เลยครับ เมื่อข้ามกำแพงเข้ามาจะเห็นลักษณะเป็นสวนครับ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ใหญ่มากๆ ภายในนครวัดนี้จะมีนางอัปสรมากมายเลยครับ ซึ่งแต่ละคนจะมีทรงผมที่แตกต่างกัน ทางเข้าจะพบเทพองค์แรง (คาดว่าเป็นพระอิศวร หากผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ จำไม่ค่อยได้) ที่นี่จะมีสามชั้น 1. เรื่องราวรามเกียรติ์ 2.สงคราม 3.นางอัสปร ภายในรั้วปราสาทใหญ่โตมากครับ  เหลือบไปเห็นมุมนึง

กลับไปชม ปราสาทตาพรหม หลังจากเที่ยวไปสามปราสาทก็ไปทานข้าวมื้อกลางวัน แล้วก็ไปต่อกันที่ วัดบันท้ายศรี ซึ่งหลายๆ web เรียกว่าปราสาท แต่สถานที่แห่งนี้เกิดจากความเชื่อทางศาสนาเท่านั้น ผมจึงของเรียกว่าเป็นวัดนะครับ เป็นความเชื่อทางด้านพราหมณ์ ซึ่งจุดเด่นเป็นอย่างไรไปชมกันครับ ก่อนเดินไปวัดแห่งนี้ ระหว่างทางดูจะค่อนข้างกันดาร และเมื่อมองเห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกเฉยๆ แต่พอเห็นถึงรายละเอียดของศิลปะแล้ว พบว่าเป็นงานที่ละเอียดมาก ซึ่งทางไกด์ได้บอกว่าศิลปะที่นี่ทั้งหมดเป็นฝึมือผู้หญิงทั้งหมดเนื่องจากมีรายละเอียดมาก จนผู้ชายไม่สามารถทำได้ Zoom เช้าไปดูรายละเอียดรับ ซึ่งหินที่ใช้ในการแกะสลักนั้นต้องดำลงไปใต้ทะเลเพื่อนำหินขึ้นมาแกะสลัก น่าเสียดายนิดหน่อยที่นี่เค้ากั้นไม่ให้เดินเข้าไปใน เพียงแต่ให้ชมจากด้านนอก คาดว่าถ้าคนเข้าไปอาจทำให้เกิดความเสียหาย แม้จะมีเขตกั้นแต่ก็ไม่สามารถอาจปิดกั้นความสวยงาม และความศักดิ์สิทธิ์ได้  ตรงนี้เป็นห้องสมุดครับ เป็นการเก็บหนังสือความเชื่อต่างๆ  กลัวมาไม่ถึงก็ขอถ่ายซะรูปครับ   หลังจากเดินรอบๆ ชมความสวยงามแล้ว ก็มีทางเดินออกไปด้านนอกครับ