เที่ยวกัมพูชา วันที่ 3 - Wat Thmey( killing field) ทุ่งสังหาร , ตลาดซาจ๊ะ, ตลาดโรงเกลือ

วันที่ 23 ตุลาคม 2555 ผมตื่นตอน 6 โมงเช้า ทานข้าวแล้วก็มีตากล้องจากเขมรมาขายรูป ซึ่งถ่ายออกมาก็ไม่ค่อยดีมาก แต่เห็นถึงความพยายามก็อุดหนุดพี่เค้าครับ จนเวลา 9 โมงผมก็นำกระเป๋าลงมาที่ Lobby เพื่อเตรียมขึ้นรถ เมื่อออกจากที่โรงแรมแล้ว ทางไกด์ก็เตรียมพาเราไปที่วัดแหล่งนึง ซึ่งวัดแห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญ เพราะเป็นทุ่งสังหาร ไกด์เล่าเหตุการณ์ต่างๆซึ่งแฝงไปด้วย อารมณ์เจ็บปวด(มากไปไหม) 
บริเวณสวนนี้ ไกด์บอกว่า ถ้าหากยังขุดก็จะเจอศพอีกมากมาย ทางรัฐบาลจึงยกเลิกการขุด

ที่นี่จะมีบอร์ดรูปภาพเก่าๆ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยผู้นำที่ฝักใฝ่ระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะว่าผู้นำมีพื้นเพเกิดมาจากฐานะยากจน จึงเกลียดคนรวย จนกระทั่งได้รับการสนับสนุนจากจีน ได้ยึดอำนาจจากษัตริย์และขึ้นเป็นใหญ่ ท่ามกลางความไม่รู้ของคน ได้ออกอุบายเรื่องการส่งคนที่มีรู้ด้านภาษาให้แสดงตัว โดยแจ้งว่าจะส่งไปเรียนที่เมืองนอก แต่ทราบภายหลังบุคคลเหล่านั้น ถูกสังหารโดยใช้ไม้ไผ่ตีเข้าที่ท้ายกระโหลกจนเสียชีวิต
คนที่อยู่ก็ถูกใช้งานเยี่ยงทาส โดยมีอาหารประทังชีวิตแค่วันละถ้วย ส่วนผลผลิตทั้งหมดกลับถูกส่งไปประเทศจีน ดูจากรูปครับ เป็นกระโหลกของจริงทั้งหมดครับ
เมื่อได้ฟังประวัติแล้ว ก็รู้สึกได้ว่าสงครามนั้นไม่เคยมีดีเลย นอกจากความสูญเสียเพียงอย่างเดียวและเชื่อว่าทุกๆ คนก็ต่างต้องการความสงบสุข  ทางพี่ๆดูแลทริปก็ได้พาทุกคนไปร่วมทำวัดเช้า สวดมนต์และบริจาค จากนั้นก็ขึ้นรถไปต่อกันที่ตลาดซาจ๊ะซื้อของฝาก
เมื่อมาถึงก็จะมีสองฝั่งให้เลือกเดินว่าจะซื้อของฝาก หรืออาหารสด ซึ่งผมกับเพื่อนก็เดินๆ ไปดูอาหารสด ซึ่งก็คาดว่าจะไม่ซื้อแค่อยากรู้ว่าต่างจากบ้านเรายังไง
 เห็นสินค้าตัวแรก ก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมา นี่บริษัทที่ผมทำอยู่ครับ มันไม่ได้เป็นสินค้าที่บริษัทผลิต แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้ promote ชื่อไปด้วย
 เจอตลาดแล้ว ก็เป็นอาหารสดหมดเลย ทุกๆอย่างก็คล้ายบ้านเรา
 ความพิเศษอยู่ที่ตรงนี้ คือร้านตัดผม อยู่ในตลาดเป็นห้องเล็กๆ ปะปนกับแม่ค้าขายผักขายปลา แต่ งง ว่าตัดผมแล้วมันไม่ปลิวไปโดนอาหารร้านข้างๆหรือ
 เดินไปเรื่อยๆ ก็มีสินค้าเครื่องประดับด้วย ซึ่งจะซื้ออะไรก็ต้องต่อกันหน่อย เพราะสินค้าเดียวกัน เปิดราคาต่างกัน เรียกได้ว่าไม่รู้ margin ราคาเป็นเท่าไหร่  ส่วนการต่อ ใครต่อเก่งก็ได้ไป

 หลังจากที่เดินมาซักพักก็เจอซอยเล็กๆ ก็เลยขอถอดรูปหน่อย (ถ่ายรูป)
 ที่นี้มีขายหอยด้วย แต่ไม่รู้ว่าหอยอะไร



หากต้องการรูปภาพสวยๆ กลับบ้าน ก็หาซื้อได้ราคาไม่แพงเลย แต่ที่บ้านไม่มีที่เก็บแล้ว เลย ขอแค่ถ่ายรูปมาครับ

เมื่อเดินฝั่งนึงครบแล้ว ก็อยากไปอีกฝั่งนึง ก็รีบข้ามสะพานไปอีกฝั่ง
 พอมาอีกฝั่งก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เพราะว่าตรงนี้จะเน้นขายสินค้าของฝาก เลยทำซะสวยน่าเดิน

เดินซะนานไม่ได้อะไรเลย ถ่ายรูปเล่น แล้วก็ซื้อของฝากหน่อย ก่อนกลับ และก็ไปกินอาหารมื้อสุดท้ายที่เขมร
 ด้วยความแปลกเลย ขอถ่ายรูปมา เป็นคล้ายๆ ขนมปัง หวาน เหนียว อร่อยดครับ แต่ไม่รู้ว่าเหนียวเพราะว่าแป้ง หรือว่าเก็บไว้นาน
 อาหารที่ผมทาน
ขนมก็อร่อยดีครับ ไอศรีมกล้วยก็แบบว่ากล้วยจริงๆเลย

เมื่อกินเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาจะนั่งรถกลับเข้าไทยแล้ว ก็รู้สึกอยากเที่ยวต่อ แต่เวลาก็ใกล้จะหมดล่ะ นั่งรถไปสักพัก ก็มีการใช้เล่าถึงสิ่งที่ประทับใจสำหรับการเที่ยวครั้งนี้ ก็รู้สึกสนุกดี เวลาผ่านไปประมาณ สองชั่งโมง รถก็จอดให้พักเข้าห้องน้ำครับ
ขอถ่ายรถที่ผมนั่ง เป็นที่ระลึก

แวะร้านค้านี้ก็มีสินค้าดังภาพครับ

งานสวยงามครับ แต่ก็ไม่ได้อุดหนุด ได้แต่ถ่ายรูป เอามือจับๆ คลำเอามากกว่า เข้าห้องน้ำเสร็จก็ยืนรอเพื่อน

 มีเวลาว่างก็เลยขอถ่ายรูปกับพี่คนขับและไกด์ครับ พี่ทั้งสองคนก็น่ารักครับ ตลอดการเดินทางทั้งคุย ทั้งเล่า ทั้งเรียกขึ้นรถ ดูแลอย่างดี

เมื่อถึงแล้วไกด์ก็อวยพรเราใหญ่เลย ขอให้รวย แข็งแรง มีความสุข และยังทิ้งท้ายว่าคนที่ผมพามาส่ง ก็ไม่รู้จะได้เจออีกรึเปล่า (Drama ด้วยเว้ย ไกด์คนนี้) ก็อำลาเสร็จ ก็ขอถ่ายรูปก่อนกลับไทย


อีกภาพ ของความเป็นกัมพูชา
มาถึงจุดแบ่งแล้ว ก็เข้าประเทศไทย ก็ดีใจทีมือถือใช้งานได้ตามเดิม รีบเปิดใช้งานเลย

หลังจากกลับมาถึงผมมีเวลา 1 ชมในการเดินตลาดโรงเกลือ รวมทั้งต้องหาของกินรองท้องเองด้วย ซึ่งผมกับเพื่อนก็ได้รองเท้ายี่ห้อดังแต่เป็นสินค้าเลียนแบบ ได้ถุงเท้า แล้วก็ดันตกอีก เวลาก็น้อย จะเดินก็ลำบากเลยซื้อของกินแล้วก็ไปนั่งรถที่รถเลยครับ ระวังนั่งรถกลับเข้ากรุงเทพ กว่าจะถึงก็ต้องสี่ทุ่มครับ ถึงกรุงเทพช้าไปหน่อย แต่กิจกรรมต่างๆที่ท่องเที่ยวนั้นก็ลงตัวและประทับใจมากๆ สำหรับทริปนี้ครับ

หากอยากลองไปกัมพูชาผมแนะนำให้ลองไปครับ ประทับใน แถมราคาไม่แพงด้วยครับ

ขอบคุณครับ
face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)