นั่งรถไฟเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย (Train Trip Kanchanaburi)


 หลังจากที่ห่างหายการเที่ยวทริปสนุกๆไปนาน ครั้งนี้ผมได้เล่นเกมตอบคำถามชิงรางวัลที่บริษัทก็ได้รับตั๋วเที่ยวนำตกไทรโยคน้อยฟรี ซึ่งสามารถชวนเพื่อนพนักงานติดตามไปด้วย จึงไม่รอช้าชวนเพื่อนๆ วันศุกร์แล้วก็ออกเดินทางวันเสาร์เลย เรียกได้ว่าเป็นทริปแบบที่ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ แต่ก็อยากไป 

การท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นแบบไปเช้าเย็นกลับซึ่งเราจะเดินทางกันด้วยรถไฟ (ม้าเหล็กของไทย) ซึ่งตามตารางเป็นดังนี้


โปรแกรมนั่งรถไฟเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อย วันเสาร์ที่ 27 กันยายน 57
    06:20 น. เดินทางจากสถานีกรุงเทพ โดยขบวนรถไฟฟ้าพิเศษนำเที่ยวน้ำตก ขบวนที่ 909
    06:40 น. ออกจากสถานีบางซื่อ โดยขบวนรถไฟฟ้าพิเศษนำเที่ยวน้ำตก ขบวนที่ 909 โปรดตรงต่อเวลา ถ้ามาไม่ทันตกรถไฟ
    07:40 น. ถึงสถานีนครปฐม นมัสการองค์พระปฐมเจดีย์หรือเดินเลือกซื้อของได้ 40 นาที
    08:20 น. ขบวนรถไฟนำเที่ยวออกจากสถานนีนครปฐม
    09:35 น. ถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว ให้นักท่องเที่ยวชมและถ่ายภาพสะพานข้ามแม่น้ำแควตามอัธยาศัย                                 
    10:00 น. ขบวนรถไฟออกจากสะพานข้ามแม่น้ำแคว
    11:00 น. เดินทางถึงถ้ำกระแซ ชมเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์สำคัญที่ยังเปิดใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ ถูกสร้างด้วยเชลยศึกพันธมิตร เป็นเส้นทางที่สวยที่สุดเส้นหนึ่งลัดเลาะไปตามหน้าผาและป่าโปร่งพาเราย้อนมิติกลับสู่อดีต สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไม่รู้ตัว
    11:30 น. ถึงน้ำตกไทรโยคน้อย พักผ่อนเล่นน้ำตกประมาณ 3 ชั่วโมง รับประทานอาหารตามอัธยาศัย
    14:30 น. ออกเดินทางจากน้ำตกไทรโยคน้อย แวะชมสุสานทหารพันธมิตร
    16:53 น. พร้อมกันที่สถานีกาญจนบุรี เพื่อนขึ้นรถไฟพิเศษนำเที่ยวขบวนที่ 901 กลับกรุงเทพฯ
    19:00 น. ถึงสถานีบางซื่อ  โดยสวัสดิภาพ...........
    ทริปนี้เป็นรถธรรมดา ดีเซลราง พัดลม จึงไม่เหมาะแก่เด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงวัย


ซึ่งดูตารางท่องเที่ยวแล้วน่าสนใจมากครับ ไปชมกันว่าเที่ยวครั้งนี้จะ โหด มัน สนุกแค่ไหน

ราคาตั๋วค่ารถไฟ 120 บาทไม่มีแอร์ครับ ลมธรรมชาติ เก้าอี้ไม่มีเบาะ ห้องน้ำมีในตู้รถไฟเลย(แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไปเข้าตามสถานท่องเที่ยวดีกว่า แต่กลิ่นก็ไม่เหม็นนะครับ)

ผมเดินทางไปขึ้นรถไฟที่บางซื่อ ซึ่งรถไฟมาช้าไปประมาณ 20 นาทีจากตาราง ซึ่งมาถึงแล้วทุกคนที่มีตั๋วก็ขึ้นนั่ง แล้วภายใน 3 นาทีรถก็ออก หากใครมาท่องเที่ยวด้วยรถไฟ แนะนำให้มาก่อน จะได้ไม่พลาดเพราะทางเจ้าหน้าที่สถานีไม่มีรอออกตามเวลา

 เมื่อได้ที่นั่งแล้วหากมีเก้าอี้เหลือก็สามารถวางสิ่งของได้ แต่หากคนเที่ยวจำนวนมากก็สามารถวางไว้ไว้เหนือศีรษะได้เช่นกัน รถไฟท่องเที่ยวนี้จะไม่มีการรับผู้โดยการเพิ่มดังนั้นเราสามารถวางอุปกรณ์ที่เรายังไม่ใช้งานไว้บนรถไฟในช่วงเวลาที่เราลงไปตามจุดท่องเที่ยวต่างๆ ไม่หายแน่นอนครับ เจ้าหน้าที่บนรถไฟจะมีการแจ้งทุกครั้งที่มีการแวะลงที่เที่ยว โดยจะบอก hilight ข้อควรระวัง และนัดเวลาขึ้นรถทุกครั้ง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกำหนดการใหม่ ซึ่งจะกลับถึงกรุงเทพประมาณ 20.30 น. ดังนั้นหากใครต้องไปต่อรถต่อ ควรจะวางแผนดีๆ เพราะเวลาไม่ตรงตามเวลาที่กำหนด

จุดที่ 1 นมัสการองค์พระปฐมเจดีย์

เราจะต้องใช้เวลาในการเดินไปซัก 5-10 นาที ซึ่งก่อนจะถึงเจดีย์นั้นจะมีร้านอาหาร ของทานเล่นของฝากมากมาย ซึ่งแนะนำให้ไปไหว้พระก่อนครับ
วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ภายในนั้นสามารถเดินเข้าไปชมเจดีย์ได้ แต่เวลาสำหรับการแวะที่แห่งนี้มีเวลา 40 นาที ซึ่งกว่าจะเดินมาถึง ไหว้พระ ก็จะเหลือเวลาไม่มาก ดังนั้นไหว้องค์พระแล้วควรรีบเดินกลับไปที่รถไฟ
ระหว่างทางเห็นร้าน Seven eleven ซึ่งก็ได้แวะซื้อน้ำเย็นๆและแป้ง ช่วงกำลังจ่ายเงินทางสถานีก็ประกาศให้คนรีบขึ้นรถเหลือเวลา 3 นาที เมื่อได้ยินดังนั้นก็วิ่งกันเลย หอบกันขึ้นรถไฟเลยทีเดียว หลายๆคนเสียเหงื่อกันมากเลยจุดนี้ แนะนำทุกท่านให้รักษาเวลา เพราะเมื่อถึงเวลาแล้วรถไฟออกทันทีไม่มีรอ ไม่อย่างนั้นแล้วต้องรอตอนเย็นมารับกลับ

จุดที่ 2 สะพานแควใหญ่
สถานที่แห่งนี้ผมพึ่งมาปีที่แล้ว(2013) ซึ่งเป็นรางรถไฟที่มีคนมายืนถ่ายรูปกันมากที่สุด หากอยากถ่ายภาพสวยๆ ให้เดินไปกลางหรือปลายสะพานเพราะคนจะน้อยเราจะได้ภาพที่สวย แต่เนื่องจากประสบการณ์จุดแรกที่ต้องวิ่งขึ้นรถไฟ กลัวขึ้นรถไฟไม่ทันก็ขอเดินเที่ยวไปถึงกลางสะพานแล้วก็รีบกลับขึ้นรถไฟ เมื่อขึ้นรถไฟแล้วรถไฟก็จะแล่นผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแควซึ่งได้บรรยากาศแตกต่างไปอีกแบบ

จากนั้นใช้เวลานั่งรถไปอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง ก็ถึงจุด Hi light ซึ่งต้องนั่งรถไฟเท่านั้นถึงจะผ่านได้

จุดที่ 3 รถไฟสายมรณะ
ในช่วงที่ผ่านเส้นทางสายมรณะนั้น รถไฟจะวิ่งช้าลงให้ทุกคนบนรถไฟสามารถถ่ายรูป สัมผัสหน้าผา ดูภูเขา แม่น้ำ ซึ่งเปรียบเสมือน Amazon เมืองไทย เรียกได้ว่าสวยงามมาก และที่ตื่นเต้นมากคือรางรถไฟนั้นทำจากไม้ แต่การนั่งบนรถไฟนั้นเราจะได้มองเห็นวิวสวยๆ แต่ตัวรถไฟและรางรถไฟสวยๆ เราจะไม่เห็น

จากนั้นก็ไปจุดที่สำคัญ

จุดที่ 4 น้ำตกไทรโยคน้อย
ผมโชคดีที่รถไฟนั้นพาขึ้นมาถึงน้ำตกเลยทำให้ไม่ต้องนั่งรถสองแถวขึ้นมา
เพียงแค่เดินประมาณ 100 เมตรก็ถึงน้ำตกแล้ว
ในจุดนี้เราจะมีเวลา ประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งกิจกรรมหลักคือทานข้าว โดยที่น้ำตกนั้นจะมีเสื่อบริการให้เช่า(50 บาท) สามารถเลือกที่นั่งได้ตามที่เราต้องการ สามารถสั่งอาหารมาทานได้ ผมโชคดีที่มีพี่ผู้หญิงใจดีแม่ศรีเรือนทำอาหารเจมาให้ทาน
 มีผัดเต้าหู้ ผัดผัก กระเพาหมู ซึ่งผมทานอยู่สองอย่างครับ อร่อยมากมาย ต้องขอขอบคุณพี่สาวใจดีแสนสวย เมื่อทานเสร็จแล้วก็ไปเดินเล่น บางคนก็นอนเล่น เอาเท้าจุ่มน้ำ หรือจะลงเล่นน้ำก็ได้
น้ำตกไทรโยคน้อยจะไม่ใหญ่มาก สามารถเล่นน้ำด้านล่าง แล้วปีนขึ้นไปได้ เด็กจะลงเล่นเป็นส่วนใหญ่แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถนั่งดูแลบุตรหลานได้ มีที่นั่งให้ นั่งบริเวณน้ำตกจะเย็น มีต้นไม้มาก ลมเย็นสบายจริง มีห้องน้ำให้บริการฟรีด้วย แต่ต้องเดินไปไกลหน่อย แนะนำอีกอย่างครับ ในจุดนี้จะมี Seven Elven ด้วยเราจะต้องซื้อน้ำซื้ออาหารตุนไว้ก่อน เพราะจุดอื่นจะไม่มีร้านสะดวกซื้อให้แวะ ต้องนั่งรถไฟยาวถึง สองทุ่มเลย (ขาไปนั้นก็มีอาหารให้สั่งทานบนรถไฟตอนเย็นได้ แต่อย่าลืมตุนน้ำไว้)


หลังจากที่เริงร่าสบายใจก็นั่งรถไฟกลับ ซึ่งจุดสุดท้ายที่จะแวะคือ สถานีกาญจนบุรี หากโชคดีเราก็จะได้เข้าชมสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรักแต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไปไม่ค่อยทัน ดังนั้นก็ไม่ได้หวังอะไรมาก
ระหว่างทางกลับก็ผ่านรถไฟสายมรณะอีกครั้ง และมีภาพวิวสวยๆ ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้ ช่วงนั้นไม่มีอะไรทำเลยนอกจากถ่ายรูป คุยกัน นอนพัก

จุดที่ 5 สถานีกาญจนบุรี

รถไฟก็มาถึงสุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรักก็ปิดไปแล้วได้แต่เดินตลาดซึ่งผมก็ได้มาม่าเจ มาทานบนรถไฟขากลับกรุงเทพ ซึ่งก็ต้องนั่งรถไฟไปเรื่อยๆ ทริปนี้ใช้เวลาบนรถไฟนานหน่อย นั่งจนก้นเมื่อย ช่วงมืดจะมีแมลงค่อนข้างมาก หากเจอแมลงเยอะก็อาจจะย้ายที่ได้(หากมีที่นั่งว่าง) ผมเดินทางถึงหัวลำโพงตอน สามทุ่ม กลับมาอาบน้ำที่บ้านน้ำดำเลย เพราะโดนลมจากรถไฟทั้งวัน

โดยรวมแล้วเจ้าหน้าที่รถไฟน่ารัก การเที่ยวก็สนุกดีครับ แต่ใช้เวลานั่งรถนานหน่อยครับ

Tip ควรรู้
1. ต้องตรงต่อเวลา เจ้าหน้าที่นัดแล้ว ต้องรีบมาให้ทันไม่งั้นอาจจะตกรถได้
2. เตรียมพัดไปพัดด้วย บางช่วงอาจจะร้อน ใช่ไล่แมลงได้บ้าง
3. ตุนน้ำไว้หลายๆขวด ขณะเดินทาง
4.ใครจะเล่นน้ำก็เตรียมชุดไปด้วย
5. ขาไปนั่งฝั่งซ้ายมือ จะได้เห็นวิวแม่น้ำ(ตอนรถไฟแล่นผ่านเส้นทางรถไฟสายมรณะ)
6. สำคัญมาก คือเรื่องเวลากลับถึงกรุงเทพ จะไม่ตรงตามตาราง ดังนั้นเผื่อเวลาไว้ด้วยครับ (กะเวลาประมาณ 21.00 น.)








ลองไปกันได้นะครับ
http://www.railway.co.th/home/viewcontent.aspx?id=CONT-00005&lang=TH


face2cu
 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)