Lumix dmc-gf6 | body review

เพื่อนผมวางแผนจะซื้อกล้อง แต่ไม่มีความรู้เรื่องกล้องจึงได้ชวนผมไปซื้อด้วย ซึ่งถามว่าผมมีความรู้มากไหม ก็ไม่ค่อยมากแต่เมื่อเทียบกับเพื่อนแล้วก็จะมีมากกว่า ผมกับเพื่อนนัดกันที่ Central World 

 ผมพาเพื่อนเข้าร้านกล้องถ่ายรูป Big Camera ซึ่งเป็นร้านประจำผม ไม่ว่าจะกล้องตัวไหนผมก็ซื้อที่ Big Camera(พูดเหมือนซื้อบ่อย) เพราะที่ร้าน Big camera นั้นหากมีการซื้อกล้องจะมี course อบรมการถ่ายรูปด้วย ซึ่งร้านอื่นก็มี(ผมพึ่งเห็น) แต่ด้วย Royalty แล้วก็แวะ Big Camera ก่อน

เพื่อนผมไม่ชอบพกพากล้อง ไม่ชอบถ่ายรูป ผมเลยแนะนำเป็นแค่กล้อง compact ของ Canon แต่เมื่อ Sale แนะนำให้ลองกล้อง compact Panasonic เพื่อนผมก็รู้สึกชอบ จึงให้ลอง Mirrorless ดูซึ่งคุณภาพของภาพเห็นได้ชัดกว่า แจ่มกว่า และก็ไม่เกินงบที่เพื่อนผมตั้งไว้ จึงเป็นที่มาของ 

LUMIX DMC-GF6

กว่าจะสรุปได้กล้องตัวนี้ก็ดูหลายตัวเหมือนกัน ใช้เวลาเล่นเป็นชั่วโมงเลย จะซื้อของทั้งทีก็ต้อง Test กันบ้าง ก่อนตัดสินใจครับ เป็นสิทธิ์ของลูกค้า ซึ่งพนักงานก็ดูแลเราอย่างดี ทิ้งกล้องไว้ให้เราเล่นครบทุก function

ราคากล้อง 17,900 บาท(ใน catalogue ยังเป็น 18,900 บาท) เหลือ 16,551 บาท มีกระเป๋าใส่กล้องให้ และแถม Memory 8 GB,ผ้าเช็ด, ฟิล์มกันรอย

สำหรับตัวกล้องเป็นสีดำ เพราะมีเหลือแค่สีเดียว กล่องดูกระทัดรัด คู่มือหนามากเขียนมาละเอียดเลย มีประกันให้สองปี มีแท่น Charge + Len kit





ต่อไปขอพาไปดูส่วน Body

ตัวกล้องไม่ใหญ่ เพราะเป็น mirrorless แต่เลนส์จะยาวและผอมเลยดูยื่นไปนิดนึง

Len ชุดนี้เป็น 0.2m/0.66ft ซึ่งผมรู้สึกชอบมากกว่าตัวของ Sony a5000 ของผม (ผมมักชอบของใหม่กว่าเสมอ ฮา) ตัวเลนส์ดูแข็งแรงประกอบแน่นมาก

แผงควบคุมเป็นโลหะ(น่าจะใช่นะครับ) ดูแข็งแรงมาก แต่ก็ทำให้ตัวกล้องหนักเช่นกัน ผมรู้สึกชอบนะ เพราะดูสมราคาดี

-ในการเปิดใช้งานกล้องจะเป็นสวิตช์เลื่อน ดูดีมีระดับ
-มีโหมด Auto เป็น iA ซึ่งจะแยกออกจากปุ่มหมุนปรับโหมด หากกดautoแล้ว จะมีไฟแดงๆขึ้นมา 

-ส่วนการบันทึกภาพยนตร์จะมีปุ่มแยก สามารถกดใช้งานได้ทันทีแถมเป็น Full HD ด้วย 

-ปุ่ม Shutter ดูแข็งแรงมาดเข้ม

มาดูปุ่มหมุนปรับโหมดกันซึ่งก็มีเหมือนมาตรฐานทั่วๆไป การหมุนแต่ละครั้งต้องใช้แรงหน่อย เพราะประกอบได้แน่นมี mode C1 C2 ซึ่งเราสามารถสร้างขึ้นมาเอง

มาดูปุ่ม control ที่หน้าจอก็จะมี Wheel ให้หมุนตามรูปแบบกล้องทั่วไป และมีปุ่ม Wifi กดใช้งานได้ทันทีสะดวกต่อการใช้งาน Lumix ออกแบบมาเป็นปุ่มเล็กเพื่อป้องกันการไปกดโดน ถือว่าเป็นการออกแบบได้รอบครอบจริงๆ

ปัจจุบันกล้องส่วนใหญ่จะต้อง selfie กันได้ซึ่งกล้องตัวนี้ก็ทำได้ แถมยังสามารถยึดปรับมุมก้ม มุมหงายได้ตัว ออกแบบมารองรับทุกสถานะการณ์

หากต้องการใช้ flash ก็กดที่ปุ่มOPEN flash ก็จะเด้งขึ้นมาซึ่งดูแข็งแรง(มากกว่า sony ครับ จากความรู้สึกผมเองนะ)

มาดูคุณสมบัติเลนส์อีกครั้งครับ (ดูเองนะครับ ผมอ่าน Spec ไม่เก่งกลัวอธิบาย) เข้าใจเนอะ ถ้าไม่เข้าใจไปถามที่ร้านกล้องก็ได้

 การเชื่อมต่อ เครื่องนี้มี NFC ซึ่งสามารแลกเปลี่ยนรูปกันได้เลย มีช่อง HDMI ให้ด้วย (ปกติไม่เคยใช้ช่องพวกนี้เลย)

สำหรับ battery นี้มีความจุ 1,025 mAh ซึ่งถือว่าได้มาตรฐานทั่วไป สำหรับหน้าจอ touch screen แล้วผมยังไม่เคยใช้จึงไม่รู้ว่าbattery จะหมดเร็วรึเปล่า ไว้ต้องไปถามเพื่อนที่ใช้งาน ในการ Charge ก็จะมีแท่น charge ให้ครับ(เขียนรอบที่สอง)

เก็บใส่กระเป๋ากันตัวกล้องไม่ใหญ่มาก แต่ตัวเลนส์ยื่นยาวออกไปทำให้กระเป๋าต้องรองรับขนาดของเลนส์ ซึ่งกระเป๋าสวยงาม ดูดีจริงแถมกระเป๋ายังกันน้ำได้บ้าง แต่ไม่มีถุงกันน้ำให้ รู้สึกชอบ(ที่ Lumix มีกระเป๋าให้เลย กล้อง sony ไม่มี T T )

ขอจบเท่านี้ครับ จริงๆแล้วกล้องก็เหมือนโทรศัพท์มือถือที่ function ทุกๆอย่างทำได้เหมือนกันแต่จุดเด่นแต่ละจุดไม่เหมือนกันจะหาที่ดีที่สุด เจ๋งทุกอย่างก็เป็นไปไม่ได้แล้วแต่คนชอบครับ แนะนำให้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเองและก็ตัดสินใจเองดีกว่าครับ

ตัวอย่างภาพที่เพื่อนผมถ่ายมา
http://face2cu.blogspot.com/2014/09/lumix-dmc-gf6-photo-review.html

ส่วนใครอยากรู้ว่า Sony มีเป็นอย่างไร ลองไปชมบทความผมได้ครับ (เป็นตัวที่ผมใช้งานอยู่ครับ)
http://face2cu.blogspot.com/2014/06/sony-alpha-5000-body-review-part-1.html


face2cu