Touching Myanmar Life Day 5


กลับไปอ่านการเดินทางจากพระธาตุอินทร์แขวนสู่ย่างกุ้ง Click

วันที่ 7 ธันวาคม 2557 ท่องเมืองย่างกุ้งจุดท่องเที่ยวสำคัญ
ผมตื่นตอนหกโมงและต้องการไปเข้าห้องน้ำซึ่งระหว่างที่ไขประตูไฟในห้องก็ดับลง ตอนแรกเข้าใจว่าห้องเราดับเพียงห้องเดียวแต่เมื่อออกมาด้านนอกแล้ว ดับทั้งตึกเลยจึงต้องไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำแบบไม่มีไฟโชคดีที่นำไฟฉายติดตัวไป เนื่องจากเป็นเวลาหกโมงอาหารยังไม่พร้อมผมจึงได้ลงไปด้านล่างเดินชมบริเวณรอบๆ

Shwe Phone Pwint Pagoda

บริเวณที่พักนั้นจะมีเจดีย์ซึ่งสามารถเดินไปได้ เมื่อลงมาด้านล่างที่พักผมเดินไปผิดทางหลงทาง เดินสักพักก็ย้อนกลับมาและได้เข้ามาไหว้เจดียืแห่งนี้ แม้ว่าเจดีย์แห่งนี้จะไม่ได้มีความโด่งดัง แต่ช่วงเช้าวันอาทิตย์ชาวพม่ายังคงมากราบไหว้ นั่งสมาธิกันตั้งแต่หกโมงเช้าเลยครับ เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัดมากครับ

จากนั้นก็เดินกลับที่พัก


อาหารเช้า ณ Myint Myat Guest House
ช่วงเช้านี้ผมขึ้นมาทานอาหารก่อนเพื่อนที่พักแห่งนี้เป็นแบบ Guesthouse ที่มีต่างชาติมากมายรวมถึงคนไทยก็มีมาพักด้วย ผมได้รู้จักคนมาเลเซีย ชาวอินเดีย แต่ทั้งสองมาทำงานเปิดนิทรรศการศิลปะ ทั้งคู่น่ารักมากครับ และยังได้เจอคนไทยด้วย เราได้คุยกันว่าเราไปไหนมาบ้างเที่ยวอย่างไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เที่ยวกันแบบเหมารถทั้งวัน ผิดกับผมที่นั่ง Taxi เที่ยวเองเป็นจุดๆ

นัดเจอพี่ที่พม่า
การเดินทางครั้งนี้โชคดีอย่างหนึ่ง คือ พี่ที่ออฟฟิศถูกส่งมาทำงานที่พม่า จึงนัดกับพี่ให้ไปเจอที่โบตาทาวน์

Botataung Pagoda
โบดาทาวน์ 

ในการเดินทางไปโบตาทาวน์ครั้งนี้สะดวกมากเพราะอยู่ใกล้กับที่พัก แค่เดินไปสองทางแยกก็ถึง โดยระหว่างทางก็มักจะมีชาวพม่าคอยเรียกให้เราขึ้นรถแต่ก็ปฏิเสธหมด ก่อนถึงเจดีย์แห่งนี้จะมีถนนเส้นที่ใหญ่ประมาณ 8 เลนวิ่งผ่านไปมาก็ต้องข้ามกันอย่างระมัดระวัง

ด้านนอกดูผู้คนมมากมายมากสำหรับเจดีย์แห่งนี้ แถมทัวร์คนไทยยังลงด้วย ก่อนเข้าจะต้องชำระค่าบัตรก่อนครับ 3 usd หรือ 3000 จ๊าด เจ้าหน้าที่มีอายุน่ารักใจดี มีที่ถอดรองเท้า และพี่ยังให้เราเติมน้ำเย็นๆได้ฟรีด้วย น่ารักสุดๆ

 เจดีย์แห่งนี้เป็นเจดีย์แห่งแรกที่สามารถเข้าไปภายในเจดีย์ได้ ก่อนทางเข้าเจดีย์นั้นจะมีผู้คนยืนต่อแถว เจอคนไทยมาเที่ยวกันหลายทัวร์เหมือนกัน
เมื่อเดินเขามาภายในเจดีย์เราก็จะสัมผัสถึงความเย็นของแอร์ และแสงสีทองอร่ามตาจากรอบห้องเจดีย์ กำแพงต่างๆเป็นสีทองและมีกระจกหนากันป้องกันคนไปสัมผัสกำแพง
ภายในเจดีย์โบตาทาวน์จะมีพระเกศาของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะเป็นช่องเล็กๆ ให้เราสามารถยื่นมือเข้าไปโยนเงินบริจาคได้ ผมสอดมือเข้าไปแล้วถ่ายรูปซะเลย

จากนั้นก็เดินวนรอบในเจดีย์ ภายในเจดีย์จะมีพุทธรูปเก่าแก่มากมาย ทั้งหมดจะมีการล๊อกแม่กุญแจทั้งหมดเมื่อเดินครบรอบแล้วก็ออกมาด้านนอก ที่เจดีย์แห่งนี้ยังมีหลวงพ่อทันใจซึ่งเป็นที่นิยมของชาวไทยที่มาแล้วก็ต้องขอพรกับท่าน

หลวงพ่อทันใจ
นัตโบโบยี
ก่อนจะถึงหลวงพ่อทันใจนั้น คนต่อแถวมากมายโดยเฉพาะคนไทยมาเป็นทัวร์เลย ผมได้ยินไกด์พม่าบอกว่าอยู่ที่นี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะทำพิธีครบ ตอนแรกตั้งใจจะทำพิธีครับ แต่กลัวเสียเวลาจึงขอลัดเดินเข้าไปชมหลวงพ่อทันใจก็พอ
เมื่อมเดินเข้าไปแล้ว ด้านข้างหลวงพ่อทันใจก็ยังมีเทพให้สักการะด้วย แต่ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไหร่ครับ จากนั้นเดินออกมาด้านนอกเจดีย์

เทพกระซิบ
อะมาดอว์เมียะ

ตรงกันข้ามกับโบดาทาวน์ก็ยังมีศาลเล็กๆ ให้เข้าไปกราบไหว้ได้ ต้องบอกว่าเล็กมากๆ เป็นเหมือนตึกเล็กๆที่สร้างขึ้นมา แต่ภายในนี้ก็ยังมีเทพที่ผู้คนนิยมกราบไหว้เช่นกัน
เทพกระซิบ จากข้อมูลที่อ่านมาคือ เราสามารถขอพรจากเทพกระซิบได้โดยการเดินเข้าไปใกล้ๆและพูดกับเทพกระซิบให้เบาๆ ในสิ่งที่เราต้องการขอพร แต่ผมสังเกตเห็นคนพม่าส่วนใหญ่จะป้อนนม ลูบตามร่างกายเทพกระซิบด้วย

ตลาดโบโจ๊ก 
Bogyoke Market

สำหรับขา shop ทั้งหลายคงจะห้ามพลาดสถานที่แห่งนี้ซึ่งมีสินค้าของฝากพม่ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นแป้งทานาคา ชานม โสร่ง รูปวาดต่างๆ และอื่นๆ แต่สำหรับการ backpack แล้วจึงซื้อของไม่ได้มาก ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย สินค้าที่นี้ไม่ได้ถูกกว่าที่อื่น แต่เน้นเรียกว่ามีครบละกัน

Ya Kun Kaya Toast

ก่อนกลับที่พักเราได้แวะร้าน Bakery ข้างตลาด เป็นร้านจาก Singapore

 บรรยากาศดูดีมากๆ เมื่อเดินเข้ามาแล้วรู้สึกว่ากลับสู่ประเทศไทยอีกครั้ง ผู้คนเต็มร้าน หลังร้านจะมีทางเชื่อมไปห้างด้วย เพราะร้านนี้ตั้งอยู่หน้ากับห้าง

มีน้ำดื่มชากาแฟ และน้ำข้าวบาเล่ย์ ซึ่งขอให้ลองข้าวบาเล่ย์ดูครับ อร่อยดีมีแบบร้อนกับแบบเย็น และยังมีขนมปังด้วย รสชาติอร่อยพอได้เลย

หลังจาก ไหว้พระ ซื้อของ ทานขนมแล้ว เราก็กลับที่พักเพื่อ Check out ครับ จากนั้นก็ได้วางแผนเที่ยวช่วงบ่ายว่าจะไปไหนบ้าง เพราะมีกระเป๋าเป็นภาระ แต่โชคดีที่พี่ที่ทำงานอยู่ที่พม่ามีห้องพักอยู่แถวๆ กาบาเอ เราจึงได้ไปฝากกระเป๋าไว้ก่อนแล้วจึงออกเที่ยวอย่างสบายตัว ทริปนี้ถ้าไม่ได้พี่คนนี้ช่วงบ่ายคงต้องปวดไหล่กันแน่ๆ ขอบคุณหลายๆ เลยพี่

เราเดินทางท่องเที่ยวโดยการวิ่งไปจุดที่ไกลที่สุดแล้วค่อยๆย้อนกลับมาที่พักเพื่อเอากระเป๋าแล้วตอนเย็นก็ที่สนามบินเลย

Kyauk taw gyi
พระหินอ่อน



วัดแห่งนี้จะมีองค์พระที่สร้างขึ้นจากหินอ่อน ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยกระจกหนา ผมคาดว่าคงจะป้องกันองค์พระสัมผัสกับอากาศโดยตรง ผู้คนชาวพม่าต่างกราบไหว้อย่างเรียบร้อย มีต่างด้าวแบบผมมัวแต่ถ่ายรูป แต่ถ่ายอย่างไรก็สู้มาชมสถานที่จริงไม่ได้ครับ องค์พระใหญ่มาก บริเวณสี่ทิศจะมีพระสาวกที่ทำจากหินอ่อนกราบไหว้อยู่เช่นกัน
ให้ชมอีกภาพที่ค่อนข้างชัดที่สุดเท่าที่ถ่ายได้

จากนั้นก็ออกจากวัดและเดินทางข้ามถนนไปอีกฝั่งก็สามารถไปชมช้างเผือก

จากข้อมูลนั้นก่อนทางเข้าจะมีค่าเข้าชม แต่ครั้งนี้เดินเข้ามาไม่มีใครเรียกเก็บเงินจึงได้ชมฟรี ที่แห่งนี้จะมีช้างเผือก 3 ช้าง (หนังสือบอกว่าชาวพม่าเรียกสรรพนามช้างว่าช้าง) ซึ่งช้างด้านขวาสุด เมื่อโดนฝนแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู แต่จากที่ดูมาแล้วสงสารช้างเหมือนกัน เพราะโซ่สั้นมาก ช้างเดินไปไหนไม่ได้เลย

Swe Taw Myat Zedi
วัดชเวตอเมียต
วัดแห่งนี้เป็นวัดอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ทางเข้าค่อนข้างลึกกว่าเจดีย์อื่นๆ เจดีย์แห่งนี้มองจากภายนอกแล้วค่อนข้างมีความสวยงามและแตกต่างจากเจดีย์อื่นๆทั่วไป
ภายในเจดีย์แห่งนี้จะมีบรรจุพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นสถานที่ที่ควรมา ระหว่างที่อยู่ในเจดีย์สงบ อากาศเย็นสบายมาก

หลังจากชมเจดีย์ชเวตอเมียตแล้ว ก็ได้เดินทางไปยังเจดีย์กาบาเอโดยรถ taxi ซึ่งคนขับรถบอกว่าถ้าเข้าไปส่งถึงเจดีย์ขอคิดเพิ่มอีก 200 จ๊าด แต่พวกเราก็ปฏิเสธ จากนั้นคนขับก็บอกว่า not too far แล้วถ้าหากไม่ไกลแล้วทำไมถึงคิดเงินเพิ่มอีก 200 จ๊าด เป็น taxi คันแรกที่เจ้าเล่ห์ เมื่อไปถึงเจดีย์กาบาเอเดินสิบเก้าก็ถึงเจดีย์ใกล้จริงๆ 

แต่ก่อนจะไปชมกาบาเอผมไปชมถ้ำกันก่อน

Maha Pasana Guha
ถ้ำมหาปาสณคูหา
ในการเดินไปชมมหาปาสณคูหาจะต้องเดินผ่านเจดีย์กาบาเอ แนะนำให้นำรองเท้าไปด้วย เพราะต้องเดินออกจากเจดีย์เพื่อไปชมมหาสถูป ด้านหน้ามหาสถูปดูอลังการมาก

เมื่อเดินเข้ามาแล้วจะเหมือนกับสนามแข่งขันมีเก้าอี้อัฒจรรย์ แต่ไม่ได้ให้เราเดินเข้าไป จะมีรั้วกั้น ชาวพม่านิยมมานั่งสมาธิที่ตรงนี้ครับ จากนั้นจึงเดินกลับไปที่เจดีย์กาบาเอ

Kaba Aye Pagoda
เจดีย์กาบาเอ


เจดีย์แห่งนี้แม้จะเป็นเจดีย์ที่ไม่ได้ใหญ่ แต่ก็ใกล้กับแหล่งชุมชน ดังนั้นเมื่อมาเที่ยวที่เจดีย์นี้แล้วก็ยังสามารถข้ามถนนไปเดินเล่นที่ห้างได้ บริเวณรอบๆเจดีย์ดูแปลกตามาก รอบเจดีย์จะมีทางเข้าสี่ทาง


เมื่อเดินเข้ามาด้านในชั้นแรกจะมีพระพุทธรูปสี่ด้านให้สามารถกราบไหว้ได้ และยังมีประตูให้เข้าไปเจดีย์ด้านในอีกชั้นซึ่งมาถึงแล้วต้องเข้าไปให้ถึงนะครับ

ภายในเป็นห้องเล็กๆ มีแอร์ค่อนข้างเย็น ชาวพม่า พระ กำลังเจริญสมาธิ สวดมนต์บ้าง ส่วนผมมัวแต่ถ่ายรูปช่างไม่รู้กาลเทศะเลย ที่แห่งนี้จะเห็นได้ถึงวิธีชาวพม่าได้อย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะไม่ได้เป็นเจดีย์ที่นักท่องเที่ยวมาเป็นจำนวนมาก และเป็นเจดีย์ที่อยู่ติดกับชุมชน ผมเดินชมสักพัก สี่โมงครึ่งเจดีย์ก็เริ่มปิด ดังนั้นหากต้องการไปเที่ยวเจดีย์แห่งนี้ไม่ควรไปตอนเย็นเพราะจะปิด

หลังจากเยี่ยมชมเจดีย์กาบาเอแล้วก็ถือว่าผมนั้นได้เที่ยวตามแผนที่วางไว้ จึงทานเข้ามื้อเย็นกันตอนประมาณ 5 โมงเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวไทย ใกล้กับห้าง กาบาเอ shopping center
ป้ายยังเป็นภาษาไทยเลย เจ้าของร้านเป็นคนพม่า แต่ว่าจ้างป้าคนไทยมาเป็นแม่ครัวสอนชาวพม่า ซึ่งป้าแกก็ไม่ได้พูดภาษาพม่า กลับสอนคนพม่าพูดภาษาไทย รสชาติ เครื่องปรุงร้านนี้จัดเต็มเหมือนประเทศไทยหากคิดถึงอาหารไทยต้องมาร้านนี้
ร้านจะเน้นก๋วยเตี๋ยว ส้มตำก็มีครับ เป็นร้านเล็กๆที่ได้มาทานแล้วทำให้คิดถึงอาหารไทยมาก ใครมีเวลาลองแวะทานกันได้ หลังจากที่ได้ทานอาหารจนอิ่มแล้ว ก็ไปพักที่ห้องพักพี่ที่บริษัทจัดการแพ็คกระเป๋าออกเดินทางไปสนามบิน

เมือไปถึงสนามบินแล้วก็ check in เข้าไปด้านใน ซึ่งหากมีเงินจ๊าดเหลือก็แลกเป็น usd ก่อนกลับก็ได้ ใน duty free อย่าคาดหวังอะไรมาก เพราะแทบจะไม่มีอะไรเลย ส่วนใหญ่ที่เห็นจะมีร้านตู้ขายพวกหิน อัญมณี มีร้านอาหารหรูๆหนึ่งร้าน ซึ่งผมยังมีเงินกองกลางเหลือก็เลยจัดเต็มกับอาหารก่อนขึ้นบิน
อาหารหลากหลายชาติ แต่ก็ยังคงมีโมฮินกา(ขนมจีนพม่า) ทานกันจนอิ่มมาก ซึ่งเทียบราคาเป็นเงินไทยแล้วถือว่าไม่แพงมากแม้จะอยู่ในสนามบิน(เทียบกับสนามบินเมืองไทย) จากนั้นก็ขึ้นเครื่อง
ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องก็ได้ hot seat ด้วยได้มาไง งงมาก ได้ขึ้นคนแรกของเครื่อง(ปกติขึ้นเกือบคนสุดท้าย) รอบข้างไม่มีคนนั่งด้วยขากลับหลับสบายถึงประเทศไทยเร็วมาก

ขอจบการเดินทางพม่าเพียงเท่านี้ครับ
สวัสดี

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)