Touching Myanmar Life Day 1

ทริปแห่งปี 2014 ขอยกให้กับการเดินทางไปพม่า ทริปนี้เกิดขึ้นด้วยความที่ไม่ได้ตั้งใจ พี่สาวชวนผมไปพม่ากับเพื่อนแต่แล้วพี่สาวผมก็ไม่ว่างจึงทำให้ผมต้องออกเดินทางไปกับเพื่อนพี่สาวอีกสองคน โดยที่ผมกับเพื่อนพี่สาวก็ไม่ได้สนิทกันมาก่อน ดังนั้นการเดินทางกับคนแปลกหน้าอีกสองคนจึงเริ่มเกิดขึ้นในทริปนี้

Touching Myanmar Life with face2cu

เพื่อนพี่สาว(เป็นผู้ชายสองคน)ความสามารถสูงสามารถจองตั๋วนกหางแดงได้ราคาไปกลับอยู่ที่ 1700 กว่าๆ ซึ่งเท่ากับราคาที่ผมบินไปหาดใหญ่เลย และพี่ทั้งสองคนก็มีทักษะด้านการท่องเที่ยวอย่างสูงผิดกับผมซึ่งไม่เคยเดินทางแบบ backpack ไปต่างประเทศ นี้เป็นประเทศแรกที่ผมได้เดินทางแบบ backpack

วันที่ 3 ธันวาคม 2557 ออกเดินทางสัมผัสเมืองแห่งเจดีย์
ผมออกเดินทางไปยังดอนเมืองพร้อมกับเพื่อนที่ออฟฟิศ เพื่อนผมไปเชียงใหม่ส่วนผมไปพม่า เมื่อผมไปถึงแล้วมีเวลาเหลือจึงได้ทานอาหารแถวสนามบินเป็นร้านอาหารข้างนอกราคาจานละ 40 บาทซึ่งถือว่าช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้มาก ระหว่างนั้นโทรหาพี่ถามว่าถึงไหนแล้ว ก็ตกใจว่าพี่พึ่งออกมาจากบริษัทตอนหกโมง ที่ตกใจเพราะว่า passport เงินดอลล่าร์ อยู่กับพี่หมดเลย แต่แล้วพี่ๆก็มาถึงประมาณทุ่มครึ่งก็ check in ขึ้นเครื่อง โชคดีที่ผมกับพี่ๆสามารถเข้ากันได้ดีจึงทำให้ทริปนี้สนุก
เมื่อไปถึงgate ขึ้นเครื่องแล้วก็ออกเดินทางตอนสองทุ่มครึ่ง พี่สองคนเดินทางบ่อยมาก ดังนั้นการไม่โหลดกระเป๋านั้นสบายมาก แต่สำหรับผมแล้วต้องปรับตัวเรื่องการจัดกระเป๋า เพราะหลายๆอย่างไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้แต่ผมก็แอบเอามีโกนหนวดขึ้นเครื่องจนได้ (scan กระเป๋าผ่านครับ อาจจะอนุญาตหรือเป็นผมหน้าตาเรียบร้อยไร้พิษภัย)

เครื่องเดินทางจากดอนเมืองสู่นครย่างกุ้ง พี่ที่ไปด้วยก็พบว่าเค้าลืมนำหนังสือท่องเที่ยวพม่ามาด้วย เล่นเอาพี่เค้าเซ็งเลยเพราะทุกอย่างเตรียมไว้อยู่ในหนังสือ แต่โชคดีที่ผมนำหนังสือท่องเที่ยวของผมมา จะบอกว่าช่วยได้มาก หากใครมาเที่ยวเองมีหนังสือท่องเที่ยวพกติดตัวมาสบายใจมากขึ้นเลย เพราะได้ใช้งานแน่ๆ

หลังจากลงจากสนามเครื่องบินก่อนออกจากสนามบินนั้นจะเป็นโซนปลอดภัยที่สุดเพราะยังไม่มีใครมารุมเรา เราก็ต้องแลกเงินจ๊าดก่อน ซึ่งในการแลกจะต้องใช้ดอลล่าร์แบงค์ใหม่เท่านั้น ไม่มีการพับ หรือยับก็ไม่ได้ แถมไม่มีการทอนด้วยต้องเป๊ะเท่านั้น
ในการแลกนั้นเหลือร้านเดียวครับ เรียกได้ว่าผูกขาดมากๆ บิน flight ดึกก็ต้องทำใจแต่คาดว่าทุกแบงค์น่าจะได้เรทท่ากันเพราะบูทติดกันหมดเลย  แบงค์ที่ได้มามีเก่าใหม่ปนกันไป ผมแลก 150 USD ได้เงินประมาณ 158,000 Kyat

เรียก Taxi
เมื่อออกมาแล้วก็มักจะมีผู้ชายใส่โสร่ง สวมเสื้อสีขาวเดินตาม ชวนคุยถามว่าอยากไปไหน ด้วยความรู้มากของผมก็ไม่สนใจ แกล้งเดินออกไปนอกสนามบินแล้วมองหาเจ้าของ taxi ก็เจอคนพม่าคนหนึ่งที่กำลังดิ่งตรงมาหาเรา คำถามแรกที่ผมถามคือ Are a taxi driver ?  เพราะอะไรจึงถามแบบนี้ เพราะพม่านั้นมีอีกอาชีพที่เรียกว่านายหน้าคอยหาลูกค้า และก็จะเรียกราคาแพง ด้วยความที่ผมกลัวหลงจึงได้ปริ้นแผนที่โรงแรมมาด้วย ซึ่งอยู่ไกลจากสนามบิน 3.6 km (วัดจาก google map) พี่หม่องก็เรียกราคาอยู่ที่ 5,000 Kyat หรือราคาประมาณ 150 บาท ระยะทางกิโลละ 50 บาทนี้ต้องเป็นรถอย่างหรูเท่านั้น สภาวะนั้นอึ้งกับราคามาก สวมบทโหดต่อไป 3,000 Kyat ซึ่งพี่หม่องบอกว่าขับตอนกลางคืน ระยะทางต้องอ้อมไกล ขอ 4,000 kyat ละกัน แต่ผมก็ไม่ยอมจึงสรุปราคากันที่ 3,000 Kyat เมื่อขึ้นรถแล้วก็ใช้เวลาประมาณ  10 นาทีก็ถึงที่พัก

ความน่ารักของพี่หม่อง
แม้ว่าพี่หม่องจะเปิดราคาแบบขูดรีดขูดเนื้อแต่เมื่อได้ราคากันแล้ว สภาวะบรรยากาศก็เริ่มคลี่คลาย พี่หม่องแก่หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาให้ผมเปิดซึ่งเมื่ออ่านแล้วก็มีลายมือภาษาไทยเขียนชื่นชมถึงตัวพี่แกซึ่งอ่านไปเรื่อยๆ ก็เข้าใจว่าพี่แกรับขับ taxi รอบเมืองเที่ยวแบบเหมาวันด้วย โดยเค้าคิดราคาวันละ 100 US หรือวันละ 3000 บาท รถแอร์ด้วยนะ(ที่ต้องบอกว่ารถแอร์เพราะ taxi ในย่างกุ้งมักจะไม่เปิดแอร์กัน) แต่ด้วยความเป็น backpack เราก็ไม่ได้สนใจข้อเสนอ แต่อยากให้พี่เค้ามารับเราไปส่งที่ท่ารถซึ่งแกก็ขึ้นราคาแพงเพราะพี่เค้าต้องอ้อมมารับ ดังนั้นพี่แกเลยแนะนำให้เรียกรถแถวที่พักดีกว่า ด้วยควาน่ารัก จึงได้ให้ทิปพี่แกไป 500 kyat ครับ แล้วก็ลงจากรถ

ที่พัก high five hotel สาเหตุที่จองเพราะอยู่ใกล้สนามบินและอ่านComment มีแต่คนชมว่าโรงแรมนี้ดีครับ ภายในห้องกว้าง แอร์เย็น มีผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน รองเท้าให้พร้อม แต่ไม่มีลิฟท์ ผมกับพี่ๆเก็บของแล้วก็ให้ทิปพนักงานที่ช่วยแบกกระเป๋าไป  100 kyat โดยบอกว่าแบ่งกันสองคน พนักงานทั้งสองทำหน้ามึนงงแล้วก็เดินจากไป เมื่อเราเก็บของเรียบร้อยแล้วก็มานั่งคำนวณเงินจ๊าด คำนวณเงินที่ให้ทิปสองคนไปสามบาทก็รู้สึกตลกตัวเอง อับอายมาก เพราะค่าเงินอยู่ที่ 3 บาท คนพม่าคงจะเป็นว่าสามชายไทยนี้งกที่สุดเท่าที่เจอมา พวกเราลงไปเพิ่มให้เป็น 400 จ๊าด จากนั้นก็เดินออกมาข้างนอกหาอาหารมื้อดึกทานกัน

ชมที่พัก และ จองที่พัก

อาหารมื้อแรกที่พม่า
ระหว่างทางค่อนข้างมืดมีร้านอาหารข้างทางด้วย ด้วยความที่หิวเจอร้านอาหารอยู่ร้านเดียวก็ตรงเข้าไปทานกันเลย
ผมลองสอบถามคนขายสาวสวยทาแป้งทานาคา เธอยิ้มอย่างเดียวแล้วก็ไม่เข้าใจกัน จึงได้ถามเด็กที่นั่งทานอยู่ที่ร้านว่าอาหารจานละเท่าไหร่ก็ได้คำตอบมาว่าจานละ 800 จ๊าดซึ่งอยู่ในงบจึงได้สั่งคนละอย่าง โดยอาหารท้องถิ่นพม่านั้นจะค่อนข้างใช้น้ำมันมาก ใครชอบกินหมูสามชั้นก็มี กลิ่นเครื่องเทศจะมีกลิ่นอ่อน
ข้าวที่พม่าที่ผมเจอมามีข้าวขาว และข้าวที่มีคลุกเครื่องเทศอ่อนๆ มีความชื้นออกเปียกหน่อย ส่วนจานที่ร้านมักจะเปียกดูแล้วไม่ค่อยน่าทาน ผมตั้งใจมาลุยสัมผัสกับความเป็นคนพม่าแล้วอาหารเหล่านี้ก็ต้องลอง อาหารที่ผมสั่งคือกุ้งแห้งหวานคลุกกับกระเทียม รสชาติถือว่าอร่อย กินกับกระเทียมดิบหอมอร่อยดีและมีเครื่องเคียงเป็นผัดกาดแครอทรสชาติจืดๆ
การกินอาหารที่พม่านั้นน้ำแทบไม่ต้องซื้อเพราะที่ร้านจะมีน้ำชาร้อนๆให้ ผมเห็นมาหลายแห่งมากซึ่งทำให้ผมนึกถึงอาหารจีนทุกครั้ง หากใครไม่ทานน้ำชาร้อน คงจะลำบากกันเล็กน้อยสำหรับการท่องเที่ยวแบบลุยๆในพม่า หลังจากทานอาหารแล้วพี่ก็ไปชำระหนี้ ซึ่งต้องเสียค่า vat จานละสองร้อยจ๊าด(หญิงสาวสวยเก็บค่าสื่อสารนั้นเอง หรือเรียกว่าคิดเกินราคา) โชคดีตอนนั้นผมกำลังอารมณ์ดี ไม่อย่างนั้นคงจะไม่ยอมแน่ๆ หลังจากทานแล้วก็เดินทางกลับห้องพัก
พักผ่อนคืนแรก
หลังจากที่ทานอาหารแล้วก็กลับห้องตากแอร์เย็นสบาย อาบน้ำแล้วก็พักผ่อน ทริปนี้สี่คืนสี่โรงแรม ดังนั้นการจะรื้อกระเป๋าออกมากเกินความจำเป็นนั้นเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เพราะวันรุ่งขึ้นก็ต้องแพ็คกระเป๋าเดินทางต่อ คืนแรกก็หลับสบายมาก
 face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)