Jeju do trip - 3/3 - เที่ยวเกาะเชจูซึมซับวัฒนธรรมเกาหลีกัน - with Happy mail travel


วันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 สำหรับวันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจเพราะว่าจะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้เที่ยวครับ เสร็จแล้วก็ต้องกลับประเทศไทย รู้สึกเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน ผมกับครอบครัวรีบจัดกระเป๋าแล้วลงไปเดินเล่นรอบๆที่พักถ่ายรูปเล่น ซึ่งเมื่อเดินออกจากโรงแรมก็เจอลมหนาวปะทะเต็มๆเลย
วิวสวยๆ อากาศเย็นๆ ลมแรงๆของที่นี้ทำให้สัมผัสถึงความสดชื่นของอากาศมากๆครับ คุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวสนุกสนานกันใหญ่เลย จากนั้นก็กลับที่พักเพื่อไปทานอาหาร ซึ่งก็มาคนแรกๆครับ ก็รีบจองที่ก่อนเพราะเมื่อวานมีทัวร์จีนมา แล้วก็ไปตักอาหาร วันนี้มาเช้าเลยได้ถ่ายรูปมาฝากครับ
อาหารที่นี้เหมือนทั่วๆไปแต่มีกิมจิ เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติ ซึ่งมื้อนี้ผมก็ enjoy eating มากครับ และสังเกตุว่ากล้วยที่นี้เค้าหั่นกันแบบนี้เลยรึ แปลกจัง แถมยังมีสาหร่ายห่อให้กินอีก จัดได้ประทับใจมากๆครับ เมื่อกินเสร็จแล้วก็เตรียมกระเป๋าขึ้นรถครับ
โดยก่อนออกจากโรงแรมขอถ่ายรูปกับหนุ่มเกาหลี เป็นน้องที่ช่วยถ่ายรูปกับขนกระเป๋าขึ้นรถครับ โปรแกรมเช้านี้ฟังแล้วก็แอบเสียใจ เพราะว่าพาไปซื้อของหมดเลย โดยสินค้าจะมีเป็นฮ๊อกเกนามู ซึ่งเป็นสารสะกัดจากพืชชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อใครก็ตามที่กินอาหารมันแล้วจะมีไขมัน เมื่อทานฮ๊อกเกนามูเข้าไปแล้วไขมันจะตกตะกอนขับถ่ายออกมา (เค้าบอกมาครับ)  สถานที่เหล่านี้ทางไกด์บอกว่าถ่ายรูปไม่ได้เลยไม่ได้ถ่ายมาให้เพื่อนดูครับ
 

หลังจากฟังแล้วไม่ได้ซื้อ ก็ออกมาเดินเล่นรอบๆ ก็เห็นต้นไม้ เค้าปลูกกันตามข้างทางเลยครับ ซึ่งใบมันใหญ่มากๆ คงจะอากาศหนาวด้วย จากนั้นก็ตรงไปที่ศูนย์โสมต่อ ซึ่งด้วยความเป็นเกาหลีทางบ้านผมก็เลยซื้อมาทานเพื่อที่จะได้สัมผัสพลังโสม ต่อรองไปมาหมดไปสองหมื่นกว่าบาท จากนั้นก็ไปกินอาหารเกาหลีมื้อสุดท้ายที่ทัวร์จัดให้ คือ ไก่ตุ๋นโสม ซึ่งตอนแรกนั้นผมก็คิดว่าไม่อร่อย เพราะเป็นคนที่ไม่ชอบไก่ต้มอยู่อยู่แล้ว นั่งรถใช้เวลาสักพัก ก็ไปถึงครับ
เมื่อถึงสถานที่นี่บริเวณรอบๆทำให้นึกถึง winter love song เลย เพราะว่าต้นไม้ที่นี่สูงมากๆครับ เมื่อเข้าไปภายในก็จะมีร้านอาหารเหมือนโรงอาหารครับ คนไทยเต็มไปหมดเลย เมื่อได้ที่นั่งก็รอกินอย่างเดียวครับ
ระหว่างนั่งรอก็กินเครื่องเคียงไปเบาๆ ครังนี้เครื่องเคียงไม่เยอะมากครับ แต่กิมจิเจ้านี้อร่อยจริงๆ เผ็ดเล็กน้อยครับ
เมื่ออาหารมาถึงก็จัดแจงถ่ายภาพก่อนเลย รสชาติกลมกล่อมมีกลิ่นโสมหน่อยๆ มีเนื้อโสมด้วยครับ ที่นี่จะกินกับเส้นขนมจีน(หรือว่าจะเรียกเส้นขนมเกาหลีนะ) แต่เส้นขนมจีนที่นี่จะไม่เป็นเส้นหมักเหมือนประเทศไทยครับ ทุกคนทานแล้วก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยกว่าที่คิดครับ เมื่อกินเสร็จแล้วก็ก็พาไปแหล่ง shopping ซึ่งทางไกด์บอกว่าไม่แตกต่างจากทงแดมุน แต่ผมยังไม่เคยไปทงแดมุนหรอกครับ ซึ่งที่นี่บนดินจะเป็นร้าน brand ต่างๆ ส่วนด้านล่างจะเป็นสินค้า local ครับ
เมื่อมาถึงก็งง กับสถานที่เล็กน้อย เพราะว่าดูแล้วไม่เหมือนจะมีแหล่ง shopping เลย เวลาเดินเราก็ใช้หลักการจำทางใต้ดินเอาครับ ข้างนอกอากาศหนาวมากๆครับต้องรีบใส่เสื้อให้หนาๆ
ด้วยความเพลียเลยขอแวะซื้อกาแฟอุ่นๆกินก่อนครับ ร้านที่เกาหลีนี้ขนาดเป็นร้าน local ยังจัดซะสวยงามมากๆ มีห้องน้ำและ internet ให้ใช้บริการด้วยครับ กาแฟร้อนๆ ทานลงไปทำให้ร่างกายรู้สึกอุ่นขึ้นมากครับจากนั้นก็เตรียมไป shopping กันเลย เนื่องจากผมไม่ได้เป็นนัก shopping เลยไม่ค่อยได้แวะร้านสินค้าดังๆ ซึ่งหากใครที่ชอบสินค้ามี brand อาจจะมีความสุขมากกว่าผมครับ
ภาพด้านบนนี้จะเป็นแหล่งshopping ที่เป็นร้านสินค้ามี brand วันนี้ดูเงียบๆ อาจจะเป็นวันทำงานก็ได้ครับ
เมื่อลงมาด้านล่างแล้วรู้สึกว่ากำลังเดินอยู่ที่ Platinium บ้านเราครับ จะมีเสื้อผ้าให้ซื้อเต็มไปหมดเลย โดยส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อกันหนาวเพราะอากาศที่นี่หนาวครับ ดังนั้นจะซื้อมาเมืองไทยก็คงจะไม่ได้ใส่ ผมเดินสักพักก็เบื่อครับ เค้าให้เวลาสองชั่วโมงครับ เลยเดินไปที่ศาลาที่เค้านัดเผื่อมีอะไรดู
เห็นเด็กนักเรียนมากันเต็มไปหมดเลย ก็คิดในใจว่าคงจะเป็นการพามาทัศนศึกษาแน่ๆ เมื่อลองดูที่ศาลาก็เห็นว่าที่นี่เป็นหน่วยงานราชการครับ ซึ่งเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมได้ ราคาบัตรค่าชมต่อคน 45 บาท ตอนแรกก็ชวนที่บ้านเข้าไปกันแต่ไม่มีใครสนใจ เลยแอบดึงคุณแม่มาเพราะเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ดังนั้นจึงตัดสินใจซื้อตั๋วกับคุณแม่แล้วก็เข้าไปชมครับ
เมื่อเดินเข้าไปแล้วอยู่ๆก็ฝนตก เอ้ย...เสียตังมาแล้วนะอยู่ๆฝนตกได้ไงสิ่งนึงที่ภาวนาก็คือขอให้หยุด ซึ่งสักพักก็หยุดครับ แต่อากาศหนาวมากๆ จึงไม่แปลกเลยว่าทำไมแดจังกึมถึงใส่เสื้อผ้าหลายชั้นขนาดนั้น

ภายในศาลาแห่งนี้จะมีหุ่นที่เป็นขุนนางนั่งอยู่ด้วยครับ ดูไกลก็สวยงามครับ พอดูใกล้ก็ดูน่ากลัวหน่อย ๆด้วยความที่ไม่มีใครอยู่ในนี้เลยครับ มีผมกับแม่อยู่กันแค่สองคนในพิพิธภัณฑ์เลยเหมือนกับเจ้าของตำหนักไปซะงั้น
บรรยากาศรอบๆที่นี่ผมรู้สึกประทับใจครับเพราะที่เที่ยวมาไม่มีแบบนี้เลย มันเหมือนกับได้เข้าไปเยี่ยมเกาหลีสมัยก่อน ไปดูสภาพการเป็นอยู่ของคนในวังมากๆ แต่ละตำหนัก จะมีเขียนว่าใครอยู่บ้าง ใช้ทำอะไรบ้าง และประวัติของเกาะเชจูด้วย
เดินไปพักพัก เจอต้นส้มซึ่งมีส้มเต็มไปหมด แต่ก็ไม่มีใครเด็ดด้วย ถ้าอยู่เมืองไทยคงจะหายไปหมดต้นแน่ๆ มาเกาะเชจูต้องอย่าลืมกินส้มกันนะครับเพราะอร่อยมากๆ ไม่มีเม็ดแถมถูกกว่าเมืองไทยอีก

เมื่อเดินครบหมดแล้วก็เดินไปรอที่แหล่งshopping ใต้ดิน ซึ่งเหลือเวลาอีกสิบห้านาทีก็เลยไปกับเพื่อนพี่สาวไปซื้อกาแฟ จุดประสงค์ไม่ได้จะกินหรอกครับแต่อยากไปเดินดูรอบๆมากกว่า
มาถึงร้านกาแฟอีกร้านก็เป็นป้าอายุเยอะหน่อยขายครับ ท่าทางใจดี ตั้งใจชงมากๆ ประทับใจจริงๆครับ

จากนั้นก็ขึ้นรถ แล้วไกด์ก็พาเราไป Duty Free ซื้อของมีแบรด์ ซึ่งที่นี่มีสองชั้นให้เวลาสี่สิบห้านาที เอ้ยผมคงจะไม่ได้ทำอะไรแน่ๆ เพื่อนพี่สาวเลยชวนไปกินไก่ทอดครับ ซึ่งก็ไม่รู้ร้านไหนอร่อยแต่ไกด์แนะนำก็ไปกัน ก็ไปกินกัน


จะบอกว่าภายในร้านเป็นภาษาเกาหลีหมดครับ อ่านไม่ออก โชคดีว่ามีรูปเลยจิ้มได้ซึ่งก็พยายามจะถามว่าไก่หนึ่งจานมันเยอะไหม แต่ก็ไม่ได้คำตอบเลยสั่งมาเลยละกัน พอไก่ทอดมาก็กินได้สามคนครับ รสชาติอร่อยดี  ปรุงรสแบบไม่ต้องใช้น้ำจิ้มก็ได้ ที่นี่เค้ากินจิ้มกับเกลือ แอบเหลือบไปข้างๆก็เห็นเค้ากินกับเหล้าด้วย คงจะเป็นเพราะอากาศหนาวด้วยละครับ ต้องขอบคุณพี่ๆ เพราะผมไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วย เลยได้อานิสงค์ทานฟรี

จากนั้นก็กลับไปขึ้นรถแล้วทัวร์ก็พาไป supermarket ซึ่งตอนแรกก็จินตนาการไว้เป็นแบบ Top supermarket แต่ที่ไหนได้ นี่มันศูนย์โสมที่เรามาซื้อนี่นา พอเดินเข้าไปก็เจอพนักงานที่ผมเจอตอนเช้ามาช่วยกันขาย ต้องบอกว่าของที่เหมือจะแจกฟรี คนหยิบเอาๆ วุ่ยวายสับสนไปหมด ใช้เงินวอนจนหมดตัวเลย แล้วก็รูดบัตรเพิ่มอีก การตลาดดีจริงที่เกาหลีครับ
จากนั้นก็มีกล่องให้แพ็คแล้วก็ขึ้นรถไปที่สนามบิน แล้วก็กลับประเทศไทยครับ (ตัดจบเร็วเลย)

แต่มีข้อควรระวังหน่อยครับ เนื่องจากบางครั้งเราซื้อเครื่องสำอางค์ หรืออาหารเสริมซึ่งเป็นกล่องเล็กๆ เราก็แพ็คเป็นกล่องเล็กๆ แล้วเอาเข้าใต้ท้องรถ ซึ่งเมื่อเราไปถึงสนามบินคนจะเยอะมาก มีพี่คนนึงเอากล่องที่มีเครื่องสำอางค์ใส่ใต้ท้องรถ พอไปถึงสนามบินพนักงานเอากล่องและกระเป๋าลงจากรถ ซึ่งตอนนั้นจะวุ่นวายมากๆ เพราะต่างคนต่างหยิบแต่ของตัวเองจนกล่องๆนั้นหายไปครับ คาดว่าอาจจะมีคนมาขโมยกล่องไปแล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่ไกด์ของทริปนี้จ่ายเงินคืนให้พี่เค้า แต่จริงๆแล้วก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องนะครับ

เป็นไปได้กล่องเล็กถือไว้กับตัวจะดีที่สุดครับ

แล้วทัวร์เกาหลีก็จบลงอย่างสมบูรณ์ติดตามทริปต่อไปนะครับ

face2cu

ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ22 มีนาคม 2557 เวลา 22:45

    ขอบคุณค่ะ สนุกมากๆเลย อ่านเพลิน บางตอนหัวเราะขำออกมาเลย เขียนดีจริงๆค่ะ
    พอดีกำลังจะจองไปเกาะเซจู สายการบิน EASTARJET เลยหารีวิวอ่านดู โปรแกรมเดียวกันเลย
    มาเจอที่นี้พอดี ขอถามนิดค่ะว่าพักที่ไหนค่ะ
    วันเพ็ญค่ะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่ได้อ่าน blog นะครับ สำหรับพี่พักผมพักที่ new kyung nam tourist hotel
      หากได้ไปเที่ยวขอให้สนุกนะครับ

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)