โทรทัศน์ Samsung LCD Series 4 | 29"

ผมไม่เคยสนใจเรื่องโทรทัศน์มาก่อนหน้านี้เลย เพราะคิดว่าเป็นของที่ไม่มีอะไรมาก แค่ซื้อมาดูเปิดดูได้ก็พอแล้ว จนกระทั่งโทรทัศน์ที่บ้านพัง แล้วผมต้องยกเครื่องเก่าลงมาดูแทน ซึ่งหน้าเจอเล็กลงเหลือ 14 นิ้ว จึงได้รู้ว่า ขนาดของโทรทัศน์นี้ก็ส่งผลต่อการชมเหมือนกัน ผมจึงไม่รอช้าที่จะลองหาข้อมูล ซึ่งช่วงนั้นผมก็รู้ว่าโทรทัศน์แบบจออ้วนๆ (จอแก้ว) นั้นราคาไม่ค่อยสูงมากนัก ผมตั้งราคาไว้ว่าจะซื้อไม่เกิน 4,000 บาท (งบน้อยไปมั้ย) ผมคิดว่าจะเอาอะไรมากมาย แค่ซื้อมาใช้ 3-5 ปีก็ุคุ้มแล้ว อีกอย่างที่บ้านผมก็ไม่ได้มี cable ไม่ได้มี DVD ที่มีความละเอียดสูง แต่เมื่อไปที่ห้างก็กลับเห็นโทรทัศน์ที่ผมอยากได้ มีอยู่ไม่กี่รุ่น และก็เห็น LCD, LED, Plasma เต็มไปหมดเลย

http://www.lcdtvthailand.com/ << ผมไปดูข้อมูลจาก web นี้ก่อน

โดยส่วนใหญ่แล้ว LCD ที่บอกว่าประหยัดพลังงานนั้น เมื่อผมไปดูด้านหลังของโทรทัศน์จอแก้ว ก็พบว่าบางรุ่นนั้นก็กินไฟเท่าๆ กันเ่ลย แล้วพอถามคนขาย คนขายก็บอกว่าขึ้นอยู่กับการปรับของเราด้วย ถ้าเราปรับสว่างเสียงดังมาก ก็ยิ่งจะกินไฟมาก แล้วเราใช้จะประหยัดพลังงาน + เงิน มั้ยเนี้ย (โหฟังแล้วก็ปวดหัว และอีกอย่างนึงคงจะไม่มีใครคิดแบบนี้กับผมด้วย) ผมคำนวณออกมาแล้วว่า ถ้าซื้อแบบ จออ้วนใช้งานยังไง ค่าใช้จ่ายก็ไม่น่าจะถึง LCD หรือ LED เพราะว่ามันคงจะพังก่อนแน่ๆ เลย ผมเริ่มบอกกับที่บ้านว่า ยังไงก็ซื้อแบบจออ้วนเป็นดีที่สุด (ตำแหน่งที่วางโทรทัศน์ของผม ก็มีที่พอสำหรับจออ้วนด้วย)

หลังจากนั้นผมกับที่บ้านก็ไป The mall ท่าพระ เพื่อที่จะไปซื้อ แต่เนื่องจากที่บ้านผมเป็นลูกค้าผู้ซื่อสัตย์ต้อง Brand ยี่ห้อแรกก็คือ Samsung ผมกับพี่สาวชอบยี่ห้อนี้เพราะว่าได้ใช้มือถือของเค้าก็เลยชอบ ส่วนคุณพ่อก็แบบปันใจให้ sony แต่เครื่องนี้ผมกับพี่สาวจะเป็นคนซื้อ ดังนั้น sony จึงตกกระป๋องไปโดยไม่มีสาเหตุ (ไม่ได้ว่าสินค้าเค้าไม่ดีนะ แต่แค่ไม่ได้อยู่ใน scope และ งบด้วย)

เดินอยู่ซักพัก จออ้วนของ samsung กลับไม่มีไปดูยี่ห้ออื่น ก็มีแค่ Sanyo ซึ่งเราก็ไม่ได้ถูกใจเท่าไหร่(อาจะเป็นเพราะ logo) ผมเคยได้เลยไปสอบถามข้อมูลกับ Sale ที่อื่น ก็พบว่า Panasonic นั้นมีประกันมากถึง 2 ปีซึ่งผมก็ถูกใจเหมือนกัน(คนหลายใจ ชอบความคุ้มมากว่า) แต่พอไปดูก็มีเฉพาะ LCD กับ LED ก็มีแต่รุ่นใหญ่ๆ หมดเลย (คงจะไม่มี target กับคนงบน้อยอย่างผม) ก็เลยกลับเข้าสู่ Samsung อีกครั้งเลือกไปเลือกมา ก็ได้ LCD หน้าจอ 26 นิ้ว (เดิมที่บ้านใช้ 21 นิ้ว) ซึ่งราคารุ่น Series 3 ราคา 8,990 บาท ส่วน Series 4 ราคา 9,460 บาท ซึ่งราคาต่างกันไม่เท่าไหร่เอง เลยถามกับคนขายว่าต่างกันยังไง เค้าก็บอกว่า Series 4 นั้นละเอียดกว่า และสามารถดูหนังได้จาก USB ได้เลย ฟังแล้วไม่คิดมาก (เพราะไม่มียี่ห้ออื่นต้องลังเล) ก็เลยตัดสินใจซื้อเลย

หลังจากรูดบัตรแล้วผู้ขายก็เข็นรถมา (โอ เสียตังอีกแล้ว สำหรับต้นปี 2011 นี้)
แค่กล่องก็ชอบแล้ว (ชอบ ที่ Logo)

แล้วผมก็ให้ทางผู้ขายเปิดทดลองเครื่องก่อน แล้วก็ให้เค้าปรับช่องต่างๆ ให้ก่อน ซึ่งก็งงไปหมด ไม่เคยใช้โทรทัศน์ที่มี function มากมายมาก่อน ด้วยความรวดเร็วของ Sale ก็จัดการต่อ เปิด ปรับ แล้วก็แสดงความเป็น sale ของ samsung แนะนำ function ต่างๆ มากมาย ซึ่งผมก็จำค่อยได้เพราะว่าดูแต่ภาพจนเพลินไปหมดเลย เสร็จแล้วก็จัดเก็บใส่กล่อง แล้วพา samsung ของผมไปที่รถ
เก็บหลังรถ พากลับบ้าน
พามาถึงบ้านแล้ว เจ้า samsung ตัวน้อยของผม 
เปิดกล่องอย่างอ่อนโอน
รีโมท สำหรับควบคุมโทรทัศน์ ไม่เคยเห็นมาก่อน ปุ่มเยอะมาก คุณพ่อ คุณแม่ งง กันใหญ่เลย
ก่อนจะแกะสติกเกอร์ออก เสียดายเลยถ่ายไว้หน่อย
ประกอบเสร็จแล้ว เปิดปุ๊บ ก็เจอหน้าพลอยเลย 

หลังจากงานนี้จะเกินงบไป 5,000 บาทแล้ว แต่พอมาดูแล้วก็พบว่ารู้สึกคุ้มที่ซื้อเพราะรู้สึกว่าการดูโทรทัศน์ที่หน้าจอใหญ่ขึ้นทำให้สนุกมากๆ ขึ้น เสียงก็ดูเป็นมิติมากขึ้น แต่เนื่องจากที่บ้านผมไม่ได้ติด cable ภาพมันก็ไม่ค่อยชัดเหมือนเดิม (อันเดิม Size 21 นิ้ว) แต่ก็ถือว่าดีกว่าของเดิม  

แล้วเรื่องนี้ก็จบลงครับ

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)