ทำกิมจิ(KIMCHI) ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ รูปหาย

หากลองถามคนรอบข้างผมแล้วจะรู้ว่า ผมเป็นคนที่โปรดปรานกิมจิมากๆ โดยเฉพาะเวลาไปทานอาหารเกาหลี หรือญี่ปุ่น ทุกคนจะต้องถูกผมฉกชิงกิมจิทุกครั้ง ดังนั้นเพื่อการประหยัดงบแล้ว(ไม่ต้องไปทานร้านแพงๆ) ก็ขอทำเองละกัน ซึ่งสูตรการทำกิมจินั้นมีมากมาย(หาใน google ก็เจอ) แต่ผมก็ไม่เคยทำได้น่ากินเท่าร้านที่เค้าขายเลย เพราะว่าประหยัดงบ ไม่ยอมใช้เครื่องปรุงเกาหลี (ก็มันแพง)

ผมทำิอยู่หลายๆ ครั้ง ก็ไม่มีใครกล้ากิน เพราะว่าหน้าตามันจืดชืดมาก แล้วเพื่อนผมคนนึงก็โทรมาถามว่าทำยังไง ซึ่งประสบการณ์ที่ทำมามากกว่า 5 ครั้ง ก็เลยเล่าฟังอย่างละเอียด ซึ่งก็บอกเพื่อนไปว่าหน้าตาจะไม่สวยเหมือนที่เค้าขายเพราะว่าไม่ได้ใ้ช้เครื่องปรุงเกาหลี  พอเพื่อนผมไปทำเองแล้วก็โทรมาบอกว่าต้องใช้เครื่องปรุงตัวนี้แล้วจะเหมือนที่เค้าขายเลย  ว่าแล้วก็ขอแก้ตัวอีกครั้งครับ

ให้ชมโฉมหน้าก่อนครับ เหมือนที่เค้าขายมั้ยครับ ขอบอกว่าไม่แพง แถมทำไม่ยาก ไม่ต้องรอหมักอะไรให้เสียเวลาอีกด้วย

**สูตรที่ทำนี้ไม่ได้เป็นสูตรลับแต่อย่างใด แต่ถ้าหากไม่ถูกใจก็ปรับเปลี่ยนได้ตามรสชาติที่ต้องการ**
**ส่วนปริมาณนั้น ไม่ขอบอก เพราะไม่รู้ ให้กะเอาเองนะครับ**
ส่วนประกอบ
ผักกาดขาว + ผักชี (แช่น้ำล้างให้สะอาด หรือถ้าเป็นไปได้ซื้อผัก Organic ปลอดสารครับ)
กระเทียมดิบ
ดุ้นแครอท (ไว้รับประทานครับ อย่าคิดไปทำอย่างอื่น)
เกลือ
น้ำตาล
มะนาว
พริกบางช้าง พระเอกของานนี้ครับ (เพื่อนผมบอกเองว่าใช้แล้วจะหน้าตาอาหารดีขึ้น)
จะเห็นได้ว่าส่วนประกอบนั้นมีแต่ของไทยๆ ครับ เน้นประหยัดและอุดหนุนสินค้าของคนไทยครับ
ส่วนบางคนอาจจะเพิ่มขิง หรือผักอย่างอื่นก็ได้ แต่สำหรับผมมีแค่นี้ครับ

ขั้นตอนการทำ


ขอสรุปแบบง่ายๆ นะครับ
1. ทำผักให้เหี่ยว
2. ทำน้ำหมัก
3. คลุกให้เข้ากัน
4. ต้มให้เดือด(ไม่จำเป็น ถ้าใครชอบกินแบบผักสดๆ)


เริ่มขั้นตอนที่ 1 นะครับ (ทำผักให้เหี่ยว)
หั่นผักกาดขาว (ชิ้นใหญ่ๆ หน่อยนะครับ เพราะเดี๋ยวมันจะเหี่ยวแล้วจะหด)
หั่นแครอท ดังภาพอย่าให้ชิ้นใหญ่มาก
หั่นผักชี
นำผักที่หั่นรวมกัน แล้วใส่เกลือ คลุกให้เข้ากัน เกลือจะดูน้ำออกจากผักแล้วมันก็เหี่ยวครับ ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที ก็จะได้ดังรูปข้างล่างครับ
แล้วปล่อยทิ้งไว้ก่อน


ต่อไป 2. ทำน้ำหมัก
ปลอกเปลือกกระเทียม


นำพริกบางช้างมา คว้านเม็ดพริกออกแล้ว เอาแช่น้ำเพื่อไม่มันแห้งมาก
(เราต้องการสีจากพริก)

ขั้นตอนต่อไป ให้เรานำ พริกชางช้าง + กระเทียม + น้ำตาล + น้ำดื่ม +แครอทเล็กน้อย ปั่นรวมกัน
แนะนำว่า อย่าใส่กระเทียมมากจนเกินไป อาจทำให้รสชาติขม(ผมเคยใส่เยอะไป ต้องเททิ้งหมดเลย)
ปั่นเสร็จแล้วลองชิมดูครับ ถ้าจืดไปก็เติมรสชาติได้ครับ


3. คลุกให้เข้ากัน

นำผักที่ผ่านการทำให้เหี่ยวแล้วเทน้ำออก แล้วชิมดูว่าเค็มรึเปล่า ถ้าเค็มมาให้ล้างน้ำออกครั้งนึงครับ แล้วก็เริ่มคลุกกับน้ำหมักได้เลย
แรกๆ อาจไม่น่ากิน เพราะว่ามัีนมีฟองครับ รอสัำกพัก
นี้ครับ รูปร่างหน้าตาเริ่มเหมือนที่เค้าขายแล้วครับ ลองชิมดู ถ้าอยากให้หวานก็ใส่น้ำตาล อยากให้เค็มก็ใส่เกลือ แล้วก็บีบมะนาวหน่อย เพิ่มความเปรี้ยวครับ

4. ต้มให้เดือด(ไม่จำเป็น ถ้าใครชอบกินแบบผักสดๆ)
สำหรับขั้นตอนนี้แล้วอาจไม่จำเป็นต้องทำ แต่ผมไม่ชอบกินผักดิบ เพราะกลัว พยาธิที่มาจากผัก + ยาฆ่าแมลง ผมเลยขอต้มก่อนทานครับ ซึ่งความร้อนทำให้พยาธิตาย และยาฆ่าแมลงบางชนิดจะสลายตัวเมื่อโดนความร้อน แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะต้องยอมเสียวิตามินไปบ้างครับ
เอาขึ้นต้มเลย
แล้วก็ยกเสริฟครับ

ง่ายมั้ยครับสำหรับกิมจิจานนี้ หน้าตาเริ่มใช้ได้แล้วครับ รสชาิติก็พอได้เหมือนกันทั้งหม้อนี้หมดไปประมาณ 40 บาทเองครับ คาดว่าจะได้ครึ่งโล แถมได้ความสะอาด + ความสนุกด้วยครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)