เครื่องดูดฝุ่น Panasonic MC-CG300
ในห้องนอนผมแม้จะกวาดถูกทุกวัน มันก็ยังรู้สึกว่าไม่สะอาดเท่าที่ควร ก็เลยคิดว่าเราว่าจะมีอะไรมาทำให้ห้องนอนนั้นมีความสะอาดมากขึ้น ว่าแล้วก็หาข้อมูล(จะเสียเงินอีก) แล้วก็พบว่าน่าจะมีเครื่องดูดฝุ่นนี้แหละที่เป็นคำตอบสำหรับงานนี้ แถมลองดูราคาก็ถูกว่า มือถือ กล้องถ่ายรูปอีก เลยไม่ลังเลที่จะซื้อมาใช้งาน อีกอย่างนึงนอกจากจะได้ความสะอาดแล้ว ผมยังทำให้คนที่บ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
เริ่มแรกเลยก่อนการซื้อของเราก็ต้องไปที่ห้างพูดคุยกับ PC(คนขายสินค้า) ว่าเรามีความต้องการแบบไหน อะไรยังไง ซึ่งผมขอสรุปก่อนละกันว่าเครื่องดูดฝุ่นปัจจุับันนั้นจะมีการเก็บฝุ่นไว้ 3 แบบ
1. เก็บใส่ถุงกระดาษ
-ใช้แล้วทิ้งไม่ต้องล้าง แต่ต้องซื้อเปลี่ยน
2. เก็บใส่ถุงฝ้า
- ใช้แล้วสามารถล้างได้, หลังซักต้องรอให้ถุงให้แห้ง,ใช้ไปนานต้องเปลี่ยนใหม่
3. เก็บใส่ถัง
- ใช้ได้นานไม่ต้องเปลี่ยนเต็มก็เททิ้งได้เลย แต่ถ้าถังแตกค่าใช้จ่ายจะแพง
ซึ่งแน่นอนว่าผมอยากได้แบบใส่ถังเพราะว่าผมเป็นคนชอบใช้อะไรระยะยาว เมื่อไปถึงที่ The mall ผมได้คุยกับPC คนนึงซึ่งเค้าได้อธิบายอย่างละเอียดว่าการเก็บแบบถังดีกว่ายังไง และยังมีตัวกรอง Hepa(เป็นตัวกรองสำหรับเครื่องกรองอากาศ) ผมก็งง ว่าแล้วจะมีไปทำไม เค้าก็เลยบอกหลักการเครื่องให้ฟังว่า
คือเมื่อมีลมดูเข้าก็ต้องมีปล่อยออก ซึ่งลมที่ดูดเข้ามาก็จะมีพวกฝุ่น + เชื้อโรคเข้ามาไว้ในถุงหรือถัง ดังนั้นทางลมที่ปล่อยออกถ้ามีตัวกรอง Hepa แล้วก็จะไม่มีเชื้อโรคหลุดออกมา
ผมฟังแล้วก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที แต่เนื่องจากไม่ได้มีงบ มากถึง 3,500 บาท (ของใช้แบบนี้ งบน้อยเหลือเกิน) จึงลองถาม pc ว่าเอาแบบนี้แต่งบถูกหน่อยมีมั้ย เค้าก็บอกว่ามีแต่เป็นยี่ห้อที่ผมไม่รู้จัก
แต่เมื่อคนที่บ้านขึ้นมาดูแล้วก็ตกลงปลงใจไปกับ panasonic ซึ่งราคาถูกกว่า ประหยัดไฟกว่า และยี่ห้อน่าเชื่อถือมากกว่า แต่เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบเก็บฝุ่นในถุงผ้า และไม่มี Hepa
นี่ครับหน้าตาก่อนแกะกล่อง
แกะกล่องแล้วก็อ่านคู่มือ(check อุปกรณ์ว่าครบมั้ย) กับใบประกัน (เป็นคนเจอเครื่องมีปัญหาบ่อยเลยต้องระวัง)
อ่านดูในรายละเอียดไม่เห็นมีเนื้อหาเรื่องประกันเครื่องดูดฝุ่นเลย คนขายบอกว่าประกันมอเตอร์ 5 ปี แต่ mail ไปถามศูนย์เค้าบอกว่า 1 ปี จะไปต่อว่าผู้ขายดีมั้ยเนี้ย
อุปกรณ์ทั้งหมดครับ 1,750 บาท(ราคาลดแล้ว) ราคาถูกกว่ามือถือ แต่อุปกรณ์เยอะกว่ามากครับ
โชว์ตัวหน่อยลูกพ่อ
พระเอกสำคัญคือ ตัวนี้ครับ เครื่องสวยดูทันสมัย สีสดใสครับ
ดูก้นของเครื่อง
รุ่นนี้นอกจากจะดูดฝุ่นแล้ว ยังใช้เป่าได้อีกนะครับ
ส่วนเครื่องในก็เป็นผ้าเก็บฝุ่น
ส่วนตัวเก็บสายก็จะมีปุ่มกดแล้วจะเครื่องดูดสายเก็บให้ สายยาวมากๆ
1. ท่อยืดหยุ่น งอได้
2. หัวสำหรับดูดช่องแคบๆ
3. ท่อแข็งเอาไว้ต่อกับหัว
4. หัวสำหรับดูดฟื้นหรือมุ่งลวด ผ้าม่าน
นี่ครับปุ่มแสนสวยไว้เปิดปิด รุ่นนี้ไม่สามารถปรับระดับความแรงของการดูดได้ มีแค่เปิดกับปิด
รวมร่างก่อนปราบปรามเหล่าไว้ร้าย
ขอไว้เลยครับว่าถ้าที่บ้านยิ่งของมาก ก็เป็นแหล่งรวมตัวของฝุ่นดังนั้นงานนี้ย้ายของในบ้านก่อนดูดครับ ซึ่งบ้านก็ต้องรกอย่างแน่นอน
ดูดฝุ่นใต้ตู้
ดูดฝุ่นโดยใช้หัวเล็ก
แนะนำให้
- ดึงสายไฟของเครื่องดูดฝุ่นให้ยาวให้หมด ถ้าดึงไม่หมด สายที่ถูกเก็บไว้จะร้อนมาก สายอาจจะเสื่อมก่อนอายุ
- ถ้าใช้ไป 4-5 นาที ควรพักเครื่องแล้วเอาพัดลมเป่าที่ก้นไม่ให้เครื่องร้อนจนเกินไป
นี่ครับดูดฝุ่นตรงเพดานเลย
งานนี้เหมือนได้ผ้าม่านผืนใหม่เลยครับ
ผมใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมงในการทำความสะอาด เรียกได้ว่า ดูดทุกซอกทุกมุมย เหงื่อท่วมตัวหมดเลยครับ แต่ถือว่าสนุก อย่าลืมใส่ผ้าปิดปากด้วย แล้วก็ถูบ้านด้วยนะครับ
ดูซิครับขนาดดูฝุ่นแล้วถูกบ้านน้ำยังดำเลย
ต้องยอมรับว่าบ้านสกปรกจริง แต่มันจะเป็นแค่อดีตครับ
แล้วคุณล่ะทำความสะอาดบ้านแล้วรึยัง ??
เริ่มแรกเลยก่อนการซื้อของเราก็ต้องไปที่ห้างพูดคุยกับ PC(คนขายสินค้า) ว่าเรามีความต้องการแบบไหน อะไรยังไง ซึ่งผมขอสรุปก่อนละกันว่าเครื่องดูดฝุ่นปัจจุับันนั้นจะมีการเก็บฝุ่นไว้ 3 แบบ
1. เก็บใส่ถุงกระดาษ
-ใช้แล้วทิ้งไม่ต้องล้าง แต่ต้องซื้อเปลี่ยน
2. เก็บใส่ถุงฝ้า
- ใช้แล้วสามารถล้างได้, หลังซักต้องรอให้ถุงให้แห้ง,ใช้ไปนานต้องเปลี่ยนใหม่
3. เก็บใส่ถัง
- ใช้ได้นานไม่ต้องเปลี่ยนเต็มก็เททิ้งได้เลย แต่ถ้าถังแตกค่าใช้จ่ายจะแพง
ซึ่งแน่นอนว่าผมอยากได้แบบใส่ถังเพราะว่าผมเป็นคนชอบใช้อะไรระยะยาว เมื่อไปถึงที่ The mall ผมได้คุยกับPC คนนึงซึ่งเค้าได้อธิบายอย่างละเอียดว่าการเก็บแบบถังดีกว่ายังไง และยังมีตัวกรอง Hepa(เป็นตัวกรองสำหรับเครื่องกรองอากาศ) ผมก็งง ว่าแล้วจะมีไปทำไม เค้าก็เลยบอกหลักการเครื่องให้ฟังว่า
คือเมื่อมีลมดูเข้าก็ต้องมีปล่อยออก ซึ่งลมที่ดูดเข้ามาก็จะมีพวกฝุ่น + เชื้อโรคเข้ามาไว้ในถุงหรือถัง ดังนั้นทางลมที่ปล่อยออกถ้ามีตัวกรอง Hepa แล้วก็จะไม่มีเชื้อโรคหลุดออกมา
ผมฟังแล้วก็รู้สึกชอบขึ้นมาทันที แต่เนื่องจากไม่ได้มีงบ มากถึง 3,500 บาท (ของใช้แบบนี้ งบน้อยเหลือเกิน) จึงลองถาม pc ว่าเอาแบบนี้แต่งบถูกหน่อยมีมั้ย เค้าก็บอกว่ามีแต่เป็นยี่ห้อที่ผมไม่รู้จัก
แต่เมื่อคนที่บ้านขึ้นมาดูแล้วก็ตกลงปลงใจไปกับ panasonic ซึ่งราคาถูกกว่า ประหยัดไฟกว่า และยี่ห้อน่าเชื่อถือมากกว่า แต่เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบเก็บฝุ่นในถุงผ้า และไม่มี Hepa
อ่านดูในรายละเอียดไม่เห็นมีเนื้อหาเรื่องประกันเครื่องดูดฝุ่นเลย คนขายบอกว่าประกันมอเตอร์ 5 ปี แต่ mail ไปถามศูนย์เค้าบอกว่า 1 ปี จะไปต่อว่าผู้ขายดีมั้ยเนี้ย
ดูก้นของเครื่อง
รุ่นนี้นอกจากจะดูดฝุ่นแล้ว ยังใช้เป่าได้อีกนะครับ
ส่วนเครื่องในก็เป็นผ้าเก็บฝุ่น
ส่วนตัวเก็บสายก็จะมีปุ่มกดแล้วจะเครื่องดูดสายเก็บให้ สายยาวมากๆ
1. ท่อยืดหยุ่น งอได้
2. หัวสำหรับดูดช่องแคบๆ
3. ท่อแข็งเอาไว้ต่อกับหัว
4. หัวสำหรับดูดฟื้นหรือมุ่งลวด ผ้าม่าน
นี่ครับปุ่มแสนสวยไว้เปิดปิด รุ่นนี้ไม่สามารถปรับระดับความแรงของการดูดได้ มีแค่เปิดกับปิด
รวมร่างก่อนปราบปรามเหล่าไว้ร้าย
ขอไว้เลยครับว่าถ้าที่บ้านยิ่งของมาก ก็เป็นแหล่งรวมตัวของฝุ่นดังนั้นงานนี้ย้ายของในบ้านก่อนดูดครับ ซึ่งบ้านก็ต้องรกอย่างแน่นอน
ดูดฝุ่นใต้ตู้
ดูดฝุ่นโดยใช้หัวเล็ก
แนะนำให้
- ดึงสายไฟของเครื่องดูดฝุ่นให้ยาวให้หมด ถ้าดึงไม่หมด สายที่ถูกเก็บไว้จะร้อนมาก สายอาจจะเสื่อมก่อนอายุ
- ถ้าใช้ไป 4-5 นาที ควรพักเครื่องแล้วเอาพัดลมเป่าที่ก้นไม่ให้เครื่องร้อนจนเกินไป
นี่ครับดูดฝุ่นตรงเพดานเลย
งานนี้เหมือนได้ผ้าม่านผืนใหม่เลยครับ
ผมใช้เวลาทั้งหมด 4 ชั่วโมงในการทำความสะอาด เรียกได้ว่า ดูดทุกซอกทุกมุมย เหงื่อท่วมตัวหมดเลยครับ แต่ถือว่าสนุก อย่าลืมใส่ผ้าปิดปากด้วย แล้วก็ถูบ้านด้วยนะครับ
ดูซิครับขนาดดูฝุ่นแล้วถูกบ้านน้ำยังดำเลย
ต้องยอมรับว่าบ้านสกปรกจริง แต่มันจะเป็นแค่อดีตครับ
แล้วคุณล่ะทำความสะอาดบ้านแล้วรึยัง ??

ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีวิว
ตอบลบมีประโยชน์มากๆเลยค่ะ กำลังสนใจรุ่นนี้อยู่พอดี
^ ^
เพิ่งซื้อมาค่ะ อยากถามว่า มีหัวแปรงเล็กๆบรรจุในกล่อง มั๊ยค่ะ พอดีซื้อมาอ่านคู่มือหน้า 5-6 เค้าพูดถึงหัวแปรงขนาด A และ B แต่เราไม่เห็นเจออะค่ะ รบกวนด้วยนะคะ ^^
ตอบลบไม่มีครับ ถ้าจำไม่ผิดนะครับ ใน manual จะมีหลายหัวแต่เค้ามีให้แค่บางปรเทศครับ
ตอบลบสำหรับหัวที่ผมได้เป็นหัว เล็ก และหัวใหญ่ครับ ลองดูที่ clip ครับ