Lost in laos part 2
วันที่ 3 ธันวาคม 2558 ผจญภัย ณ วังเวียง
6.20 น. ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝนที่โปรยปรายอยู่ด้านนอก เมื่อเดินออกจากห้องแล้วสัมผัสได้ถึงอากาศหนาวเย็น จนอยากจะที่จะนอนต่อ แต่ก็ต้องไปอาบน้ำและเก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เพราะคืนนี้จะเดินหลวงพระบางต่อ วันนี้ทั้งวันจะเที่ยวในวังเวียง เมื่อทุกคนเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปฝากที่ counter และก็ทำการ check out ออก
6.20 น. ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงฝนที่โปรยปรายอยู่ด้านนอก เมื่อเดินออกจากห้องแล้วสัมผัสได้ถึงอากาศหนาวเย็น จนอยากจะที่จะนอนต่อ แต่ก็ต้องไปอาบน้ำและเก็บของใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เพราะคืนนี้จะเดินหลวงพระบางต่อ วันนี้ทั้งวันจะเที่ยวในวังเวียง เมื่อทุกคนเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปฝากที่ counter และก็ทำการ check out ออก
เช้านี้ทานอาหารกันที่ luang prabang bakery (ยังอยู่ในวังเวียงนะ)
ร้านอาหาร Bakery ที่ผมรู้สึกว่าสวยงามดูดีที่สุดมากแล้วในย่านนี้ใครที่ไปวังเวียงเชื่อว่าต้องเห็นร้านนี้แน่นอน
Bakery ต่างๆ น่าทานมาก ดูสดใหม่ น่ากินแช่อยู่ในตู้แช่ เลือกกันไม่ถูกเลย (15,000-30,000 กีบ) ราคาไม่เบาเหมือนกัน ช่วงเช้าแบบนี้ผมยังไม่อยากขนมปังรสหวาน ทางร้านก็มีสเต๊ก หรือ Sandwich หรือ Breakfast แบบฝรั่งเช่นเดียวกัน
ผมสั่ง Sandwich ไข่ทาน ขนมปังอบร้อนๆ กรอบอร่อยมาก คุ้มค่าจริงๆ ส่วนน้ำเป็นน้ำมะละกอปั่น อร่อยเข้มข้นไม่หวาน ทานอยู่ซักพักฝนก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ชำระเงินแล้วก็ลุยฝนเพื่อไปเที่ยวกันต่อ
จุดแรกที่จะไปคือ Blue lagoon บ่อน้ำสีฟ้าของเรา
ตลอดทางฝนตกผมกางร่มบังฝนไว้ แต่ตัวก็ยังคงเปียกปอนและหนาวมาก ลมเย็นๆปะทะเข้ามาทำให้ตัวสั่น ตลอดทางที่พื้นเริ่มเปียกและเป็นดินสีแดงดังภาพ
- ค่าสะพานข้าม Blue Lagoon 5000 Kyat
- ค่าเข้า Blue Lagoon 10000 Kyat
บ่อน้ำสีฟ้าในตำนาน แว๊บแรกที่เห็นตกใจมาก เพราะเล็กจริงๆ นึกว่าเป็นคลองแถวบ้าน สายน้ำนั้นเป็นสีฟ้าสดใส คนเล่นค่อนข้างน้อยเพราะไปถึงเช้าและฝนก็ตก อากาศหนาวมาก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวลงเล่นเรื่อยๆ ใครว่ายน้ำไม่เป็นหรือว่ายไม่แข็งก็เช่าชูชีพได้ บ่อน้ำลึก ยืนไม่ถึงครับ ผมยืนซักพักแล้วก็ลงน้ำเล่น สัมผัสแรกสดชื่นมาก เย็นสบาย มีชิงช้าในน้ำให้นั่งเล่น มีเชือกให้โหน
hi-light คือกระโดดน้ำสองชั้น ดูจากภาพชั้นบนสุดอาจจะไม่สูง แต่สำหรับผม คนกลัวความสูงพยายามถึงสามครั้งก็ยังไม่กล้ากระโดดลงมา ขึ้นไปยืนแล้วเสียวมาก ส่วนคนที่กระโดดได้ก็กระโดดกันแบบไม่กลัวเลย
หลังจากเล่นอยู่นาน เมื่อขึ้นจากน้ำก็หนาวจนตัวสั่น ข้างๆ blue lagoon จะมีถ้ำปูคำด้วย แต่ไม่ได้เข้าไปเนื่องจากเพื่อนไม่เข้าจะให้เข้าคนเดียวก็กลัว จึงได้กลับที่พักขากลับฝนหยุดสนิทและแสงแดดเริ่่มออกทำให้ไม่หนาวเท่าขามา
ตลอดทางขากลับสวยงามมาก ล้อมไปด้วยภูเขา อากาศบริสุทธิ์ มีบ้านชาวบ้าน ร้านอาหารบ้างเนื่องจากผมกับเพื่อนๆขับรถมอเตอร์ไซด์กันมาจึงจอดถ่ายรูป แต่ขากลับนั้นดินแดงนั้นดูซับน้ำไปหมดแล้วทำให้กลายเป็นดินโคลน มีคนขับรถมาลื่นล้มไปหลายครั้งจนกลับก่อนที่จะไปถึง blue lagoon
บางช่วงลื่นมาก จนผมต้องลงเดินและให้พี่ขับมอเตอร์ไซด์เพียงคนเดียว ระหว่างทางก็เห็นรถสี่ล้อขับได้อย่างสบายจึงพึ่งถึงบางอ้อว่า ทำไมถึงมีรถประเภทนี้ให้เช่า แต่เสื้อผ้าเละมากขอบอกเลย
เดินทางกลับที่พักเพื่อหาทานอาหารเที่ยง
เฝอนั้นผมมักจะนึกถึงอาหารเวียดนามแต่ในประเทศลาวนั้นก็มีเฝอเช่นเดียวกัน สรุปง่ายๆ ก็คือก๋วยเตี๋ยวน้ำนั้นเอง แต่ที่พักจำปาลาวทำเฝอได้รสชาติจืดมากซึ่งพี่ที่เคยมาแนะนำว่าต้องลองไปทานร้านอื่น ส่วนพี่อีกคนทานผัดซีอี้ว หน้าตาเหมือนของไทยมาก
เมื่อทานอาหารเที่ยงเสร็จแล้วไปต่อกับ กิจกรรมที่มีชื่อว่า Tubing ที่ชาวต่างชาตินั้นมักจะเล่นกัน ส่วนคนไทยเล่นกิจกรรมนี้ค่อนข้างน้อย กิจกรรมที่กล่าวมาคือการลอยบนห่วงยางตามแม่น้ำซอง
สถานที่เช่าห่วงยางมีเพียงแห่งเดียวครับ เคยไปอ่านหนังสือมาได้เขียนไว้ว่าเกิดจากชาวบ้านรวมตัวกันเพียงแค่ที่เดียวเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชน และไม่ต้องมาตัดราคากัน
ต้องนำมาคืนก่อน 6 โมงเย็น หากเกินจะคิดชั่วโมงละ 20,000 kyat หากเลย 8 โมงเย็น ถ้าเกินจะโดนยึดเงินมัดจำ ส่วนการเดินทางไปลอยนั้นจะมีเป็นรอบๆ ถ้าคนเต็มคันก็จะเดินทางไปส่งที่จุดหมายฟรี
- ค่าเช่าห่วงยาง 55,000 kyat
- มัดจำ 60,000 kyat
หลังจากที่เช่าแล้วจะได้เลขประจำตัวของแต่ละคนมาจะโดนเขียนด้วยหมึกเคมีบนมือแต่ละคน จากนั้นก็ไปล่องเลย โดยรวมแล้วสนุกชอบน้ำเย็นๆ ลอยไปเรื่อยๆชมเขาหินปูน สวยงามมาก แต่ด้วยระยะทางที่ไกลจนทำให้เริ่มเบื่อ เมื่อย หนาวด้วย และตอนจะขึ้นฝั่งนั้นต้องออกแรง บังคับห่วงยางให้เข้าฝั่งให้ได้
หลังจากน้นก็กลับที่พักและรอเวลา สี่ทุ่มเพื่อขึ้นรถไปหลวงพระบาง ซึ่งค่ารถนั้นได้มีการจองผ่านที่พักเรียบร้อยแล้ว
- ราคารถ vip นอน 120,000 kyat
เมื่อถึงเวลาก็ขึ้นรถสองแถว ไปขึ้นรถทัวร์ เป็นรถนอนราบเยียดขาตรงสองคนต่อหนึ่งช่อง มีสองชั้นเนื่องจากเป็นรถทางผ่านดังนั้นจึงมักจะมีคนที่นอนเดี่ยวแล้ว จึงต้องไปนอนร่วมกับคนอื่น ผมกับเพื่อนๆ ต้องแยกกันได้นอนกับคนลุงคนลาวลุงเค้าเห็นผมก็รีบคลุมโปงเลย สงสัยหน้าผมจะไม่น่าไว้วางใจ ผมรีบพยายามนอนเพราะได้ยินมาว่าเส้นทางทรหดมาก
face2cu
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น