Lost in laos part 1

พบกับการท่องเที่ยวแห่งปี 2015 สำหรับผมอีกครั้งทริปนี้มีเรื่องเล่ามากมายเพราะเป็นการเดินทางแบบ Backpack ทั้งหมดไม่ว่าจะจองรถ จองที่พัก แบกกระเป๋า ลงน้ำ ปีนเขา เข้าถ้ำ เข้าวัด ขับรถแว้น เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติจริงๆ

ในกลางปี 2015 พี่ๆที่ผมเคยไปเที่ยวพม่าด้วยกัน ส่ง message ทาง facebook มาบอกผมว่าจองไปลาวในช่วงวันพ่อสนใจไหม แต่พวกพี่ๆจองตั๋วเรียบร้อยแล้ว หากผมอยากไปด้วยเดี๋ยวดูตั๋วโปรให้ แต่เนื่องด้วยช่วงนั้นที่บริษัทมีงานโปรเจคขึ้น จึงไม่ลังเลที่จะตอบว่าไม่ไป แต่แล้วก็มีตั๋วโปร lionair มาอีก พี่จึงถามอีกรอบครั้งนี้ลังเลมาก เพราะลาวก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่อยากไปสุดท้ายจองตั๋วเครื่องไปกลับดอนเมืองอุดรธานี ด้วยราคา 1380 บาท แพงกว่าๆ พี่ประมาณ 500 บาท

วันที่ 3 ธันวาคม 2558 จากกรุงเทพสู่อุดร
ผมออกเดินทางจากบ้านไปสนามบินดอนเมืองตอน 11 โมง เมื่อถึงสนามบินก็พบกับแถวยาวเหยียดของทุกสายการบินคาดว่าหลายคนคงจะคิดเหมือนผมคือบินก่อนช่วงวัดหยุดยาว ผมใช้เวลา check in และ load กระเป๋าประมาณ 1 ชั่วโมง สาเหตุที่ load กระเป๋าเพราะมีติดมากับโปรตั๋วที่ซื้อ ถ้าเป็น airasia ไม่มีนะ
ผมบินไปลงอุดรธานีก่อนเพราะได้คนละ flight ก่อนผมบินพี่ร่วมทริปโทรมาบอกว่ามาขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง ตอนนั้นเหลือแค่สองชั่วโมงก็จะบิน ใจนึงก็กลัวพี่จะไปไม่ทัน เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น solo trip

หลังจากบินมาถึงอุดรแล้วยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง เพื่อรอพี่ๆ จึงลองหาอะไรทานในครั้งแรกจินตนาการว่าจะเหมือนดอนเมือง อยากกิน subway มาตอนนั้น แต่เมื่อมาถึงสนามบินที่อุดร เดินภายในสนามบินแล้วไม่พบร้านอาหารอะไรเลยเจอ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขายของชำ มีขายของฝาก น้ำอะไรเล็กๆน้อย เมื่อเดินขึ้นไปชั้นสองก็พบกับภัตตาคารซึ่งดูเรียบง่าย มีบุฟเฟต์ด้วย หรือเป็นข้าวราดแกงก็ได้ ผมจึงสั่งข้าวราดแกงรอทานก่อนเลย

เมื่อพี่ๆ มาถึงแล้วก็มีผู้ใจดีเป็นญาติของพี่ในทริปมารับเราเข้าเมืองอำนวยความสะดวกต่างๆมากมายพาเราไปทาน MK ที่ Central อุดรธานีด้วย ต่อพาไปยัง UD town แถมยังเลี้ยง MK กับนักเดินทางสี่ท่านนี้ด้วย ปลื้มใจและขอขอบพระคุณมากครับ
ที่พักในจังหวัดอุดรธานีชื่อ B2 หนึ่งห้องสี่คน มีเตียงคู่ กับเตียงเดี่ยวห้องกว้างสะอาดใช้ได้ คืนแรกสำหรับผมแล้วหลับสนิทมาก

วันที่ 4 ธันวาคม 2558 เดินทางเข้าสู่ สปป.ลาว

ผมตื่นตอนตี 5 รีบอาบน้ำ ห้องน้ำมีเพียงห้องเดียวกว่าจะอาบน้ำเสร็จกันก็หกโมงยี่สิบแล้ว จากนั้นญาติของพี่ก็มารับเราไปจองตั๋วจากอุดรไปวังเวียงตอน 6.50 น. 

เมื่อมาถึงสถานีขนส่งตอน 6.50 น. ก็พบกับมวลประชาชนที่จะเดินไปจากอุดรธานีไปวังเวียง จากข้อมูลที่ได้จะมีรถไปวังเวียงแค่สองคันเท่านั้น ดังนั้นคนจึงต้องมาต่อแถวแต่เช้า ได้ลองสอบถามคนที่ยืนคนแรกนั้นมาตั้งแต่ 6.00 น. ระหว่างที่ผมเป็นตัวแทนไปต่อแถว พี่ๆก็วางแผนใหม่ พอวางแผนได้แล้วก็เข้าซื้อตั๋วไปเวียงจันทน์แทน ซื้อได้ทันทีไม่ต้องต่อแถวเลย จากการเที่ยวทำให้ทราบว่าคนไทยนิยมไปวังเวียงมากจริงๆ สิ่งที่แตกต่างกันคือ

รถจากอุดร - วังเวียง ราคา 320 บาท
รถจากอุดร - เวียงจันทน์ 80 บาท ต่อรถตู้ 300 บาท (คุยกับคนบนรถ บางคนโดนไป 400 บาท)

ดังนั้นหากจองไปวังเวียงก็จะประหยัดเงินกว่า แต่ก็ต้องมาต่อแถวให้เช้าๆเลย หลังจากนั้นเจ้าบ้านอุดรก็พาไปเราทานอาหารขึ้นชื่อจังหวัดอุดรธานี
อุดรโอชา ร้านนี้อาจจะไม่ค่อยดังตามในอินเตอร์เน็ตแต่เจ้าบ้านบอกว่าความอร่อยเป็นเลิศเลย ผมสั่งไข่กระทะ ที่มาพร้อมกับขนมปังหมูยอกุนเชียง พร้อมนมอุ่นๆ ตอนเช้า มื้อนี้ผมออกจากการทานมังสวิรัติเพื่อให้สามารถลิ้มลองอาหารแปลกๆได้ รสชาติอาหารเหล่านี้ไม่เข้มเหมือนในกรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้จืดมากนัก ส่วนสตูลก็อร่อยดีรสชาติก็ไม่เข้มเช่นเดียวกัน

เมื่อทานเสร็จแล้วก็เตรียมขึ้นรถเพื่อเดินทาง ก่อนเดินทางซื้อของใช้พวกแชมพู สบู่ไว้เป็นกองกลางสำหรับใช้อาบน้ำในวันที่นอนบนรถทัวร์ แถมซื้อเสบียงเล็กน้อยไว้บนรถเพราะเดินทางยาวเลย

สู่ประเทศ สปป. ลาวกันเลย
เดินทางจากจังหวัดอุดรธานีผ่านทางจังหวัดหนองคายและทำเรื่องออกนอกประเทศสำหรับคนที่มี passport ในวันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดก็เสียงเงินเพียงแค่ 5 บาท ส่วนใครที่ไม่มี passport ใช้บัตรประชาชน อดไปวังเวียงนะจ๊ะ ไปได้แค่เวียงจันทน์เท่านั้น แถมเสียเงินมากกว่าด้วย ดังนั้นจะเที่ยวทั้งทีพก passport ไปด้วย มีผ่านตม.ไทยและลาว จากนั้นขึ้นรถไปต่อเลย แนะนำให้รีบทำรีบขึ้นรถ เพราะหากขึ้นรถไม่ทันรถไม่รอ เพื่อนเคยโดนมาแล้ว ต้องนั่งอีกคันไปแทน

ระหว่างที่นั่งบนรถ มีพี่คนดูแลรถเดินมาถามเราว่ามีใครจะไปวังเวียงไหมเดี๋ยวจะจองรถจากเวียงจันทน์ไปวังเวียงให้ราคา 300 บาทต่อคน โดยผมก็เป็นกลุ่มเป้าหมาย เพราะเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์สี่คนไม่น่าจะเที่ยวในเวียงจันทน์ ตอนแรกกลัวแพง แต่พี่ที่เคยไปบอกว่าราคาก็ประมาณนี้จึงได้ตอบปากรับคำ ระหว่างที่นั่งรถในกรุงเวียงจันทน์ก็ลงก่อนถึงตลาดเช้า เพื่อไปต่อรถตู้

ก่อนได้ไปขึ้นรถตู้รอประมาณ 20 นาที และก็มีรถไปส่งที่รถตู้ เมื่อได้ขึ้นรถตู้ก็พบกับคนไทยบนรถทัวร์ที่เวียงจันทน์ เค้าถามว่ามาที่นี่ได้อย่างไร จึงได้เล่าว่าได้จองกับคนบนรถทัวร์ แต่คนไทยสองคนนี้ไปลงที่ตลาดเช้าและมีคนมาส่งขึ้นรถตู้อีกที โดนราคาไป 400 บาท(แพงกว่า 100 บาท)

Tips แนะนำเลยใครจะไปวังเวียง ถามคนรถว่าช่วยจองรถตู้ไปวังเวียงเลยได้ไหม

ตั้งแต่เวลาประมาณ 10 โมงที่ขึ้นรถตู้นั้นเดินทางตลอดเลยไม่มีแวะพักใดๆทั้งสิ้นนอกจากรับคนเพิ่ม หรือมีคนลง ห้องน้ำไม่มีเลยเดาว่าหากไม่ไหวคงจะต้องบอกคนขับเอง ตอนประมาณบ่ายโมงกว่าๆ ก็มีแวะพักเข้าห้องน้ำที่ปั้มแห่งหนึ่ง

ตอนนั้นมีแต่เงินไทย ไม่มีเงินกีบแต่ก็สามารถใช้ซื้อของได้ สิ่งแรกที่กินในสปป. ลาวคือไอศกรีม 7000 กีบ หรือ 32 บาท ไอศกรีมมีรสกะทิ เผือก ใบเตย แต่เท่าที่กินมารสชาติกะทิอร่อยสุด ส่วนรสอื่นๆคาดว่าใส่สีทั้งนั้นเพราะสีเข้มมาก รสไอศกรีมไม่หวานเหมือนไอศกรีมไทย ทานแล้วชื่นใจ ระหว่างที่เดินออกมาก็พบกับขนมครก

ด้วยความเป็นคนชอบลองจึงชวนพี่ๆกินด้วย ชิ้นใหญ่น่าทาน โดนไป 5000 กีบ หรือ 20 บาท เมื่อสั่งเสร็จคนขายก็แพ็คกระทงออกมาสวยงามมาก packaging น่ารักจริงๆเลย เนื้อขนมครกต่างจากไทยมาก กะทิมีไม่มาก แป้งอร่อยเหนียว แนะนำให้ลองทาน เพราะในวังเวียงไม่มีให้ทาน แต่ที่หลวงพระบางยังมีสามสี่ร้าน หลังจากทานเสร็จแล้ว ก็เข้าห้องน้ำและขึ้นรถตู้ไปยังวังเวียงใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมง ในตอนแรกกลัวว่าจะเป็นทางขึ้นเขากลัวจะเมารถ แต่ไม่เลยทางเรียบธรรมดา เหวี่ยงเล็กน้อยแต่ขรุขระตลอดทาง เมื่อเข้าตัวเมืองวังเวียงคนขับก็ถามว่าจะไปลงที่ไหน ก็ไปปล่อยพวกเราใกล้ๆที่พักเลย

ข้อมูลน่ารู้
หากเดินทางไปวังเวียงด้วยรถทัวร์ จะต้องต่อรถเข้าตัวเมืองวังเวียง มีรถฟรีลองหาก่อนจะเสียเงิน
หากเดินทางไปวังเวียงด้วยรถตู้ รถตู้จะเข้าไปส่งถึงตัวเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นย่านที่พักใกล้ๆ กันสามารถเดินได้

เมื่อลงรถแล้วก็เดินซิครับ ไม่ไกลเลยระหว่างสองข้างทางยังเต็มไปด้วยบ้านพัก สองสามชั้นไม่เห็นขุนเขาใดๆทั้งสิ้น มาถึง จำปาลาว เดอ วิลลา ซึ่งพี่ๆจองผ่าน agoda แว๊ปแรกที่เห็นก็รู้สึกชอบของความอินดี้ของที่พัก ดูน่าอยู่มากมีสองฝั่ง ผมได้ฝั่งที่มองเห็นวิวภูเขา ตอนแรกพนักงานพาไปชั้นสาม เห็นวิวดังภาพ

รู้สึกประทับใจมากสวยงามจริงๆ ผิดกับตอนแรกที่อ่านในหนังสือว่าที่ จำปาลาวนั้นไม่มีแอร์เป็นกระท่อมเล็กๆ แต่นั้นเป็นอีก zone หนึ่งครับ ที่พัก okay ได้มาตรฐานเลย เมื่อชมวิวแล้วอยู่ๆ พนักงานก็บอกว่าพามาผิดห้องโดนย้ายลงไปชั้นหนึ่งไม่เห็นวิวสวยๆ แบบนี้อีกเลย แต่ก็ยังคงความสวยบ้างเล็กน้อย

พักผ่อนซักพักก็ออกไปแลกเงิน ในวังเวียงจะมีธนาคารด้วย คาดว่า rate ดีกว่าร้านทั่วไป

JDB แบงค์ที่เราไว้ใจ เพราะไม่เห็นแบงค์อื่นเลย แลกด้วย rate 1 บาท 228 KIP ผมแลกไป 4,000 บาทได้เงิน 912,000 บาท แรกๆงงกับแบงค์มากไม่เคยถือเงินจำนวนมากขนาดนี้หลักแสนเลย มีแบงค์ห้าหมื่นหลายใบ

หลักจากมีเงินกีบแล้วก็ไปเช่ามอเตอร์ไซด์ขับ โดยได้คันละ 100,000 กีบนั่งได้สองคนตกคนละ 50,000 กีบ ขับได้ 1 วันแต่ต้องเติมน้ำมันเองอีก 20,000 กีบ ซึ่งขับสองวันก็ไม่มีทางหมดแน่นอน เหลือเลยล่ะ













เมื่อเติมน้ำมันเสร็จแล้วก็ประมาณ 4.15 น. ซึ่งสถานที่เที่ยวในธรรมชาติก็เริ่มปิด แต่หลายๆคนก็แนะนำให้ไปที่ถ้ำจังก่อน ไม่รอช้ารีบไปเพราะกลัวถ้ำปิด

ถ้ำจังแห่งนี้จะต้องผ่านที่พักแห่งหนึ่งจึงมีคนคอยเก็บค่าผ่านด่าน สอบถามพนักงานว่าปิดกี่โมง ได้ความว่าถ้ำปิดแล้วแต่สามารถเดินชมรอบๆได้เท่านั้นเอง ซึ่งก็ลังเลเหมือนกันว่าจะมาในวันรุ่งขึ้นดีไหม แต่สุดท้ายก็ขอเข้าไป เพราะแพลนอาจจะไม่มาที่แห่งนี้อีกรอบ

ค่ารถข้ามสะพาน 7,000 กีบต่อรถมอเตอร์ไซด์ 1 คัน



ก่อนจะเดินไปถึงถ้ำจังจะมีสะพานสี่ส้มสวยงาม (ของจริงดูเก่าๆ หน่อย) วิวข้างทางเป็นสายน้ำสีส้มสวยงามระหว่างทางเดินก็ได้ยินไกค์ชาวลาวพูดว่าให้รีบขึ้นไปดูถ้ำจังก่อนแล้วค่อยมาถ่ายรูป ด้วยความไวของผมจึงรีบบอกว่าถ้ำจังปิดแล้ว ไกด์ลาวเลยรีบวิ่งไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ผมเดินสักพักยังเห็นลูกทัวร์เดินไปถ้ำจัง จึงไปถามไกด์ถามว่าขึ้นถ้ำได้หรอ ไกด์ตอบว่าได้ (ในใจตอนนั้นก็คิดว่าในเมื่อทัวร์ขึ้นได้ เราก็ต้องขึ้นได้ซิ ) จึงบอกไกด์ว่าผมขอขึ้นอีกสี่คนด้วยนะ จากนั้นไม่รอช้าเรียกเพื่อนๆขึ้นถ้ำเลย


ก่อนขึ้นถ้ำมีเจ้าหน้าที่ถามพวกเราว่ามากับทัวร์หรือไม่ ซึ่งก็มีไกด์ไทยบอกไม่ใช่ ผมจึงบอกว่าไกด์ลาวให้ไปรวมกันกับทัวร์นี้ได้ ขอพวกเราขึ้นไปด้วย จากนั้นจ่ายค่าเข้าถ้ำแล้วก็รีบเดินขึ้นทันที ระยะทางไม่ไกลมากแต่ค่อนข้างสูง ระหว่างเดินหันกลับมาก็จะเห็นวิวสวย แต่ยังไม่ได้ถ่ายรูป เพราะต้องรีบเข้าถ้ำก่อน เดี๋ยวจะอด

ค่าเข้าถ้ำจัง 15,000 กีบ/คน


ภายในถ้ำจังจะมีสองทางแยก ถ้าไปทางซ้ายเดินไปเรื่อยๆ จะออกไปมองเห็นวิวทุ่งหญ้าและภูเขา ส่วนหากเดินตรงไปจะได้ชมหินย้อย เส้นทางหินย้อยถือว่ายังไม่ลึกมากและคาดว่ากำลังจะมีการสำรวจต่อเรื่อยๆ มาชมวิวทางด้านซ้ายดีกว่า


วิวจากถ้ำจังทุ่งหญ้าสีเหลืองและภูเขาที่เป็นชั้นๆ คุ้มค่ามากๆที่ได้มา แต่เนื่องจากคนค่อนข้างมาก การจะถ่ายรูปนั้นต้องอาศัยความเร็วเล็กน้อย เมื่อชมวิวแล้วขากลับอย่างลืมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำก่อนกลับจะเป็นการดีมากครับ


หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ลาวก็เริ่มต้อนเราให้ออกจากถ้ำด่วนเพื่อจะได้ปิดถ้ำ เมื่อออกมาแล้วก็ยังมีเวลาเหลือที่จะถ่ายรูปจากหน้าถ้ำจัง ซึ่งต้องบอกว่าสวยงามมาก ผมประทับใจสุดๆเลย อยากมองนานๆ นั่งชิวๆ ดูแล้วเหมือนภาพวาดเลย


เห็นได้ถึงตัวเมืองวังเวียงมีบ้าน มีภูเขาเป็นชั้น มีสายน้ำ มีสะพาน แถมยังมีบอลลูนด้วยสวยงามจริงๆคุ้มค่าที่ได้ขึ้นมา แม้จะเกือบพลาดไม่ได้ขึ้นถ้ำแล้วก็ตาม จากนั้นก็เดินลงจากถ้ำ ระหว่างทางจะมี little blue lagoon ด้วย ซึ่งค่อยข้างเล็กแต่ฝรั่งก็มักจะลงไปเล่น


เมื่อได้ชม little blue lagoon แล้วขับมอเตอร์ไซด์กลับที่พัก เดินหาร้านอาหารเย็นทานกัน ที่วังเวียงมีร้านอาหารมากมายจะเป็นร้าน เป็นแผง หรือตามที่พักก็จะมีอาหารต่างๆมากมาย ส่วนใหญ่เมนูจะคล้ายกัน และมีอาหารไทยร่วมด้วย


เดินอยู่นานเลือกร้าน Sanaxay Restuarant ซึ่งสังเกตจากลูกค้าแล้วค่อนข้างเต็มร้านตลอดเวลา ภายในร้านเป็นโต๊ะไม้ดูแข็งแรงมีระดับ เมนูก็สั่งแบบง่ายๆมาลองทาน ถือว่าเป็นมื้อที่หรูที่สุดก็ได้สำหรับทริปนี้ จัดเต็มๆเลย



นี่คือเมนูอาหารที่สั่งมาแล้วแบ่งกันทาน ผัดไทของร้านนี้ถั่วค่อนข้างมากไม่เปรี้ยวไม่หวานมากอร่อยกำลังดี โดยรวมอาหารจะหวานรสไม่เข้มแต่บางจานก็เผ็ด ทั้งหมดนี้ทานกันจนหมดเกลี้ยง หลังจากที่ทานข้าวแล้วก็ไปต่อกันที่ Sakura bar ซึ่งมี freedrink ช่วง 2-3 ทุ่มกินฟรีไม่อั้น แต่ละแก้วเข้มทั้งนั้น

หน้าร้านจะมีฝรั่งคอยเรียกให้เข้าร้าน ช่วงแรกๆคนยังไม่มาก แต่ก็เริ่่มเข้ามาเรื่อยๆ จนเริ่มเต็มร้านส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ผมและพี่ๆนั่งดูสาวๆ กันประมาณ 1 ชั่วโมงเต็ม แล้วก็เดินกลับที่พัก เพราะว่าพรุ่งนี้ยังกิจกรรมต้องลุยอีกยาว

ระหว่างทางเดินกลับก็เจอกับร้านอาหารข้างทางร้านหนึ่งแซวกลุ่มเรา เดินไปซักพักจนเหลียวกลับมาก็เลยแวะทานกับแม่ค้าแซ่บซะเลย

จริงๆแล้วร้านข้างทางนี้จะติดกันสี่ร้านขายเหมือนกันหมด ราคาเหมือนกันหมด ตอนเดินก็เลือกไม่ถูก แต่เนื่องจากแม่ค้า(ครั้งหนึ่งเคยเป็นพ่อค้า)คนนี้ เธอแรงเรียกลูกค้าและยังติดใจพี่คนหนึ่งในกลุ่ม ถึงขั้นจะพากลับบ้านเลยทีเดียว พวกเราสั่งโรตีช๊อกโกแลตกล้วย และ Omelette ham Sandwich ราคารวม 30,000 กีบได้รับส่วนลดไปตามระเบียบ

หลังจากนั้นก็กลับที่พักผมหลับ ส่วนพี่ๆก็ไปผับประจำท้องถิ่นต่อ


face2cu



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)