วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (Travel : Temple of dawn)

บทความนี้พาเที่ยววัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 ชื่อเดิมวัดมะกอก แต่ครั้นรัชกาลที่ 2 เสด็จข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงเช้าได้พบวัดมะกอกจึงได้ตั้งชื่อเป็นวัดแจ้ง และได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารในเวลาต่อมา

ดังนั้นหากได้ยินสามชื่อนี้แล้วขอให้เข้าใจว่าเป็นวัดเดียวกันครับ วัดนี้อยู่ด้านฝั่งธนซึ่งหากเป็นคนอยู่ฝั่งพระนครแล้วการเดินทางด้วยเรือจะสะดวกที่สุดครับ แต่หากอยู่ฝั่งธนแล้วจะขับรถไปก็จะหาที่จอดยากหน่อย ควรออกเช้ามากๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วนั่งเรือมาจะสะดวกสุดครับ สามารถขึ้นที่ท่าน้ำท่าพระจันทร์ หรือท่าพระอาทิตย์ก็ได้


หากขึ้นเรือมาแล้วจะมีการเก็บค่าชมด้วยซึ่งคนต่างชาติ 50 บาทส่วนคนไทยฟรี(ชอบตรงนี้แหละ) บริเวณรอบจะมีต้นบอนไซด้วยซึ่งจัดได้สวยงาม มีคนดูแลเป็นอย่างดีครับ แนะนำอีกอย่างนึงคือ ควรจะไปตอนเช้าๆ หรือตอนเย็นๆจะดีกว่า เพราะว่าเลย 9 โมงไปแล้วอากาศจะค่อนข้างร้อนถึงร้อนมาก
ทริปนี้ไปกับคุณพ่อครับ ไม่มีใครพาพ่อเที่ยวก็พาเองซะเลย จุดนี้เรียกว่าซุ้มประตูยอดมงกุฏ ทางเข้าพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม ซึ่งจะมียักษ์สองตนยืนอยู่ เค้าเรียกว่ายักษ์วัดแจ้งนั้นเอง
 ยักษ์สีเขียวด้านซ้ายมือจะเป็นทศกัณฐ์ ซึ่งมีสิบเศียรครับเป็นยักษ์ด้านไม่ดีอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระราม
ด้านขวามือมีชื่อว่าสหัสสเดชะซึ่งมีอาวุธพิเศษคือกระบองต้นชี้ตายปลายชี้เป็นซึ่งมีฤทธิ์มากดุจเดียวกับทศกัณฐ์ เลยได้สร้างยืนคู่กันครับ

ก่อนไปชมHi-light พาไปชมพระวิหารหลวงก่อน ซึ่งภายในจะสามารถเข้าไปไหว้พระ ทำจิตใจให้สงบทำบุญ นั่งสมาธิกันที่นี้ได้เลย
ภายในวิหารหลวงจะมีพระพุทธชัมภูนุทมหาบุรุษลักษณาอสีตยานุบพิตร เป็นประธานในพระวิหารหลวง ปางมารวิชัย บรรยากาศเย็นสงบ เข้าไปแล้วรู้สึกดีจริงๆครับ

จุดต่อไปเป็น Hi-light แล้ว รูปจะเยอะนะครับไปชมกัน ผมใช้กล้องใหม่ด้วย sony alpha5000 เลยให้คุณภาพภาพออกมาดีกว่าบทความอื่นๆ(คิดเองนะ)

ที่นี้เรียกว่าพระพุทธปรางค์ 


องค์ประปรางค์ ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะรูปทรงและส่วนประกอบ ของพระปรางค์ สร้างได้สัดส่วนสวยงาม สูง 81.85 เมตร วัดรอบฐาน 234 เมตร ประกอบด้วยปรางค์เล็กล้อมอยู่ 4 ทิศ


แต่เนื่องจากอยู่ใกล้พระพุทธปรางค์เลยไม่สามารถถ่ายรูปให้ครบทุกปรางค์ในหนึ่งรูปได้ครับ
ทางขึ้นพระพุทธปรางค์ จะมีนักรบชาวจีน(ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเทพรึเปล่าครับ) ซึ่งทำให้รู้สึกแปลกว่านี้เป็นวัดไทยแต่กลับมีกลิ่นอายความเป็นจีนผสมอยู่ซึ่งรูปปั้นแต่ละทางขึ้นจะแตกต่างออกไป
นี่เป็นอีกมุมนึงครับ พร้อมที่จะขึ้นกันไปรึยังครับ ไปกันเลยครับ

บันไดที่นี่ค่อนข้างชันดังนั้นผู้ที่มีอายุมากแนะนำให้ขึ้นไปแต่ไม่ต้องไปถึงชั้นบนสุดก็ได้ เดี๋ยวอาจจะพลัดตกลงมาได้ ซึ่งทางขึ้นนั้นจะมีศิลปะที่งดงามมาก เป็นฝีมือคนล้วนๆ  หากท่านยังมีแรงและทางขึ้นเปิดให้ขึ้นไปด้านบนพระปรางค์ได้ แนะนำให้ขึ้นครับ เพราะว่าด้านบนลมเย็นและวิวสวยงามมาก แม้ทางขึ้นจะชันแต่ราวจับแน่นหนา แข็งแรงมาก 

ว่าแล้วก็เดินขึ้นข้างบนกันดีกว่า
ขึ้นมาชั้นที่สองแล้วครับ จากสามชั้น ชั้นนี้ทางเดินยังไม่โหดเท่าไหร่ เดินเล่นรอบๆได้ ซึ่งมุมที่สวยงามจะเป็นมุมแม่น้ำเจ้าพระยาครับ อากาศดีๆ ลมเย็นๆ Happy สุดๆ

จากนั้นเดินขึ้นไปชั้นสุดท้าย ซึ่งขอบอกว่าชันสุดๆต้องใช้สองมือจับให้แน่น
เมื่อมาถึงก็จะเห็นถึงความสวยงามอีกขั้นทางเดินอาจจะแคบหน่อย
 รอบๆพระปรางค์จะมีผ้าสีเหลืองให้เขียนชื่อครับ ซึ่งฝรั่งหลายๆคนมาบอกรักกันที่ผ้าผืนนี้ อาจจะไม่มีใครบอกเค้าว่าเขียนเพื่ออะไร ซึ่งอ่านแล้วก็น่ารักไปอีกแบบครับ

เมื่อเดินชมกันหมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญก็คือตอนเดินลงซึ่งลงไม่ได้ง่ายๆ เหมือนกับการเดินขึ้นมา
ผมเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วตั้งสติเพื่อที่จะเดินลง กำราวให้แน่นและเดินลงอย่างช้าๆครับเจอคนญี่ปุ่นด้วย ซึ่งป้าแกดูตกใจตอนขาลง แต่พอลงกลับคล่องมาก ก้าวอย่างมั่นใจไม่มีเบรคลงถึงชั้นล่างสุด

หลังจากที่ลงมาจากพระปรางค์แล้ว ก็เดินเที่ยวรอบๆ ได้ มีเก๋งจีนด้วยซึ่งใครเหนื่อยใครร้อนก็เข้าพักได้ครับ

นอกจากเก๋งจีนแล้วยังมีสุสานของนายพลด้วยซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนสำคัญครับ แต่เนื่องจากผมไม่รู้ประวัติ ก็ขอแสดงความเคารพหนึ่งครั้งแล้วก็เดินจากไป

สำหรับใครที่พาเพื่อนฝรั่ง หรือตัวเองอยากแต่งชุดไทยที่นี้ก็มีบริการให้
ไม่ต้องไปแบกจากที่บ้าน หรือไปเช่าจากร้านแต่งงาน ที่นี้มีให้หมดครบชุดสบาย เพลิน ได้ภาพสวยงามเก๋ไก๋ไปอีกแบบ

หมดแล้วครับกิจกรรม รูปภาพที่ไปมา บทความนี้ขอจบสวยๆ อีกรูปครับ

ขอบคุณครับ

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)