Life in Australia Part 3

14 เมษายน 2015 เข้าสู่เมือง Sydney


วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เข้าสู่ตัวเมือง หลังจากที่สามวันก่อนนั้นใช้เวลาอยู่ต่างเมืองเป็นส่วนใหญ่ รถใน Sydney นั้นค่อนข้างติด แม้จะขึ้นทางด่วนแต่ก็ยังคงติดอยู่เช่นเดียวกัน เมื่อเดินทางมาแล้วรู้สึกได้ถึงความวุ่นวายในตัวเมืองทันที รอบข้างล้อมรอบไปด้วยตึกสูง ทำให้คิดถึงกรุงเทพ เพียงแค่คนที่เดินอยู่บนถนนนั้นมีทั้งฝรั่ง ชาวเอเชีย คนผิวดำ ตามท้องถนนนั้นเป็นเนินสูงบ้าง ต่ำบ้างซึ่งแตกต่างจากเมืองกรุงบ้านเราที่จะเป็นแนวราบทั้งเมือง

จุดแรกที่ได้ไปสัมผัสคือ Bondi beach
เมืองSydneyติดกับทะเลจึงมีชายหาดให้สามารถแวะไปเล่นได้ กิจกรรมหลักคือการเล่นกระดานโต้คลื่น ผู้คนมากมายต่างพากันแบกกระดานโต้คลื่นกันราวกับในหนัง จริงๆ แล้วอยากจะลองเล่นบ้าง แต่ด้วยความสามารถ อุปกรณ์ เวลาไม่ได้เอื้ออำนวยจึงได้แค่เดินชมรอบๆ แล้วลาจากชายหาดแห่งนี้

ชายหาดนี้เมื่อลงไปที่พื้นทรายแล้ว อย่าไปถ่ายรูปนะครับ อาจจะโดนดุได้ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว อยากถ่ายรูปต้องอยู่บริเวณไกลๆ จึงถ่ายได้ 

สะพาน Harbor bridge
จุดต่อไปที่ได้ไปชมคือ Harbor bridge ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ต้องมาชมให้ได้ ถ้าจะให้แนะนำอยากดูวิวสวย นั่งชมนานๆ ควรจะมาตอนเย็น จะมีร้านอาหารหลากหลายร้าน ให้สามารถนั่งทาน นั่งชมได้ สะพานแห่งนี้มีกิจกรรมน่าสนใจคือการปีนขึ้นไปชมวิวเมือง Sydney หากมีเวลาและไม่กลัวความสูงก็สามารถเสียเงินขึ้นได้ 
สัญลักษณ์สำคัญที่สุดของ Sydney คือ Opera house ที่ผู้สร้างนั้นได้ออกแบบ พยายามของบจากรัฐบาล ใช้เวลาอย่างยาวนาน จนในที่สุดคนสร้างนั้นไม่สามารถอยู่ชมความสวยงามได้ สถานที่แห่งนี้ใหญ่มาก ใหญ่จริงๆ ต้องเดินออกมาไกลๆ ถึงจะมองเห็นว่าเป็น Opera house ได้ หากต้องการถ่ายรูปสวยงาม แนะนำให้มาช่วงบ่าย เพราะช่วงเช้านั้นเวลาถ่ายจะย้อนแสง ถ่ายได้ยากมาก หลังจากชมความสวยงามสองสิ่ง ก็มุ่งหน้าเข้าสู่ mode shopping ต่อ


ภายในเมืองนั้นมีร้านเสื้อผ้า ร้านอาหารมากมาย โดยเฉพาะอาหารไทยนั้น เปิดค่อนข้างเยอะมาก มีภาษาไทยให้อ่านด้วย และร้านอาหารเหล่านี้มักจะมีคนไทยอยู่ เป็นไปตามที่คนบอกเลยว่า Sydney นั้นคนไทยมีจำนวนเยอะมาก 

Market City  เป็นห้างสรรพสินค้าที่ผมมาเป็นที่แรกของ Australia ไม่ได้เป็นห้างที่หรูหรามาก บรรยากาศคล้าย The mall เวลาเข้าดูสินค้ารู้สึกถูก เพราะแต่ละชิ้น หลักสิบ หลักร้อย แต่ถ้าคูณ 30 ก็แพงเอาเรื่องเหมือนกัน ทุกอย่างราคาสูงกว่าเมืองไทยมาก ขนาดดินสอธรรมดาหนึ่งแท่ง ราคา 30-45 บาท ซื้อแล้วคงต้องใช้อย่างระมัดระวังเป็นที่สุด
อาหารจีนมื้อหรู The eight 
ชั้นสี่ที่ Market City มีร้านอาหารจีนซึ่งมีโต๊ะมากกว่า 50 โต๊ะ จากการกะด้วยสายตา คนจีนเสริฟกันอย่างจ้าละหวั่น ความรู้สึกแรกที่เข้ามาในร้าน รู้สึกสับสน อึดอัดกับความวุ่นวายมาก เมื่อได้โต๊ะแล้ว ก็จะมีพนักงานเข็นรถมาให้เลือก อยากได้จานไหนหยิบได้เลย

นี้คือหน้าตาอาหารจีนที่ผมทาน หลายๆอย่างรถชาติจะออกเค็ม ไม่มีความเผ็ดเลย คนออสเตรเลียไม่นิยมทานเผ็ด รสชาติโดยรวมถือ่วาอร่อย ใครต้องการทานอาหารจีน แนะนำให้ลองมาทานร้านนี้กัน

หลังจากทานอาหารอิ่มแล้วก็มีโอกาสเดิน shopping ซึ่งก็ไม่ได้ซื้อสินค้าอะไรมาก หากพูดถึง shopping แล้วประเทศไทยดูน่า shopping มากกว่า 


Darling harbor
เดินมาชมท่าเรือแห่งนี้ เปรียบเสมือน Asiatique บ้านเราเพียงแต่ ไม่ได้เป็นคลังโกดัง ที่มีร้านอาหารมากมาย ที่ท่าเรือแห่งนี้จะมีเรือที่ใช้งานมากมายให้เลือกขึ้นเพื่อเดินทางไปยังจุดต่างๆ ได้แต่ผมก็ไมไ่ด้ใช้บริการ เพียงแต่มาเพื่อดูเท่านั้น มีสะพานที่สามารถเดินขึ้นไปชมบรรยากาศรอบๆ ได้
ตึกควีนวิคตอเรีย
ดูจากด้านหน้าแล้วบรรยากาศคล้ายประเทศอังกฤษ ด้านหน้ามีรูปปั้นควีนวิคตอเรีย และภายในตึกนั้นเป็นห้างสรรพสินค้าที่สามารถเดินซื้อของ หรือแวะทานอาหารได้ เป็นสถานที่จุดเด่นที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด ผมเข้าร้าน T2 เป็นร้านขายชา ซึ่งมีประเภทชาหลากหลายมากมายมาก หากไม่อยากซื้อกลับมาชงทานที่บ้าน ก็สามารถสั่งทานที่ร้านได้เลย ส่วน shop อื่นๆ ผมไม่ได้แวะชม

โบสถ์เซนต์แมรี่
ก่อนเดินทางออกนอกเมือง ผมเดินผ่านโบสถ์ที่สวยงาม และยิ่งใหญ่มา ด้านข้างมีสวนหย่อมให้นั่งพัก และมีกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ให้สามารถเล่นได้ แนะนำให้เข้าไปชมบรรยากาศในโบสถ์ สวยงาม อลังการจริงๆ

หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ Spring wood เพื่อพักผ่อน


face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)