Chill at Chumporn Part 1/2 - สบายเรื่อยเปื่อยที่ชุมพร

หลังจากที่วางแผนตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะไปเที่ยวทะเลชุมพรและแล้วเวลาก็มาถึง ผมลาพักร้อนหนึ่งวันซึ่งเป็นวันฟันหลอพอดีก็เลยได้หยุดยาว ทริปการเดินทางครั้งนี้แน้นแบบ Chill ๆ เพราะว่าเราเดินทางด้วยรถตู้ที่เช่ากันเองครับ อยากแวะไหน พักไหนก็ลงกันเลย

วันที่ 30 เมษายน 2557 หลังจากทำงานเสร็จผมก็ไปดูหนังเรื่อง The railway man ตอนเย็นซึ่งต้องบอกว่าหนังสนุกๆ มากๆครับเป็นแนวดราม่า ซึ่งดูจบแล้วออกจาโรงยังตื้นต้นอยู่เลยแต่ก็ต้องรีบเดินทางกลับมาที่ออฟฟิตอาบน้ำแล้วก็เตรียมขึ้นรถตู้ตอนสี่ทุ่มครับ ซึ่งตอนแรกพี่คนขับรถนั้นบอกว่าเราจะถึงชุมพรกันตอนตีสาม ผมก็งงว่า แล้วเราจะทำอะไรต่อหลังจากนั้น มันทั้งดึกทั้งเปลี่ยวนะ

วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 วันแรงงานแห่งชาติ วันใหม่เพราะว่าเลยเที่ยงคืนไปแล้ว เมื่อขับไปถึงแถวๆชะอำท้องไส้สมาชิกเริ่มร้องก็เลยแวะร้านข้าวต้มซึ่งมีหลากหลายร้านมากเรียกว่าตามดวงเลยถ้าร้านไหนรถตู้ขับเลยก็ถือว่าไม่ใช่ดวงล่ะกัน ขับจนเจอร้านอาหารแห่งหนึ่งก็ลองแวะ ดูร้านแล้วคาดว่าอาหารน่าจะอร่อยก็เอาเลย คิดว่าจะกินข้าวต้มเบาๆท้อง เพราะว่าตอนนั้นก็ประมาณ ตีหนึ่งแล้วเดี๋ยวจะอิ่มเกินแล้วจะนอนหลับยาก ทุกคนก็ช่วยกันสั่งอาหารมาหลายๆอย่างเพื่อให้ได้อาหารครบทุกหมู่

แต่พอมาเสริฟเท่านั้นแหละตกใจเลย กับแต่ละจานเยอะมากครับ เพื่อนถึงกับตกใจว่านี้เบาๆหรอซึ่งสุดท้ายก็หมดทุกจานเลยไม่รู้ว่าเพราะเสียดายหรือว่าพวกเราสายแข็งครับ เมื่อกินหมดแล้วก็เรียก Check Bill ซึ่งก็เรียกความตกใจอีกครั้งว่าข้าวต้มที่เรากินไปทั้งหมดนั้นราคา 1,200 บาท เย้ยมื้อแรกของผมยังไม่ได้กินอาหารทะเลแบบเต็มงบก็บานซะแล้ว แถมงงกับผักดองว่าทำไมราคาสูงถึง 180 บาททั้งๆที่กุ้งแห้งก็แทบจะไม่มี

เมื่อตกใจกันหมดแล้วขึ้นรถเดินทางต่อ แต่ต้องบอกว่ารสชาติก็อร่อยนะแต่แพงมาก ไม่ขอบอกชื่อร้าน แต่พวกผมจำชื่อได้ไม่มีวันลืมเลยกลัวหลงไปกินอีก (ฮ่า ฮา)

จากนั้นก็นั่งรถตลอดเลยด้วยความที่ผมเป็นคนหลับไม่ยากคือขึ้นรถแล้วก็หลับได้เลยจะตื่นก็แค่แวะปั้มครับ หากรถไม่แวะปั้มก็คงจะหลับยาวจนถึงเช้าได้ จนกระทั้งเข้าตัวเมืองชุมพรท้องฟ้าเริ่มสว่างท้องเราก็เริ่มสั่นระฆังให้ลงไปหาของกินอีก
หลังจากตกใจกับมื้อเบาเมื่อคืนก็เลยขอกินแบบบ้านๆในมื้อเช้านี้ ตลาดที่ชุมพรบริเวณนี้ในยามเช้าสดชื่นมากๆครับไม่ร้อนเหมือนในกรุงเทพที่บ้านเราอยู่ และอาหารหลายๆอย่างก็แปลกต่างแปลกตาดีพวกเรากินข้าวต้ม(แต่ทำเหมือนโจ๊กใส่หมูไข่ แต่เนื้อเป็นข้าวต้ม) และบางคนก็กินหมูปิ้งครับ ราก็ยังเห็นขนมครก ขนมฝักบัว

เจอขนมชนิดใหม่เรียกว่า ข้าวเหนียวอุบ ด้วยความที่เป็นคนกรุงเทพก็งง ว่าคืออะไร แม่ค้าขายอันละ 20 เราก็เลยขอซื้อที่ 3 อัน 50 แม่ค้าคงจะมึนงง แต่ก็ขาย เมื่อมาลองกินก็รู้สึกว่ารสชาติเหมือนกับข้าวหลามเพียงแต่เค้าทำร้อนด้วยการปิ้งบนกระทะแบนๆ ไปเลย อร่อยไปอีกแบบแถมยังอิ่มด้วย

เมื่อท้องอิ่มแล้วจุดแรกที่ไปก็คือไปดำน้ำ โดยเราไปบริษัทชุมพรคาบาน่า
ที่นี้มีห้องพักด้วยแต่เราไม่ได้พักที่นี้ครับเพียง ซื้อทริปดำน้ำกับเค้าเฉยๆ โดยจุดที่เราดำน้ำกันก็คือ เกาะจระเข้ ง่ามใหญ่ ง่ามน้อย ซึ่งวันที่ผมไปนั้นคนน้อยมากทั้งเรือมีสองกลุ่มคือ 1 คู่รัก และ 7 คนที่เป็นกอขอคอ (7 คนก็คือกลุ่มผมเองแหละ) แต่ด้วยมวลหมู่มากคู่หนุ่มสาวเลยต้องไปนั่งชมวิวที่ด้านบนและด้านล่างของเรือก็มีจะของเกลื่อนกลาดของกลุ่มผมครับ ไม่ว่าจะเสื้อผ้า ครีมกันแดด ขนมหอบกันเยอะมากเลย

เกาะแรกที่ไปคือเกาะจระเข้ที่นี้ไม่ค่อยสวยเค้าบอกว่าให้มาฝึกลอยตัวครับ จากนั้นก็ไปเกาะง่ามเล็กซึ่งบนเกาะนั้นจะมีการทำสัมปทานรังนกด้วย ดังนั้นห้ามขึ้นฝั่งเด็ดขาดครับ เพราะไม่งั้นอาจจะล้ำเขตแดนได้ ที่สำคัญฝั่งก็ไกลด้วย ว่ายไปไม่ถึงหรอก เมื่อดำน้ำเสร็จสองเกาะพี่ๆคุมเรือก็แจกอาหารให้ทานกันบนเรือ

เมื่อขึ้นจากน้ำทุกอย่างก็อร่อยหมดเลยครับ แถมยังมีน้ำอัดลมให้ชื่นใจอีกเปิดได้เต็มที่เลยทั้งน้ำแดง เขียว เอส อะไรมากมายๆ
แต่เมื่อเรากินจนเริ่มอิ่มแล้วเรือก็จอดแล้วก็บอกว่าให้เราลงไปดำต่อ ลองคิดดูซิครับอาหารยังย่อยไม่เสร็จต้องลงน้ำอีกแล้ว กลุ่มผมก็บ่นกันใหญ่เลยว่า ถ้าหากเกาะใกล้กันขนาดนี้แล้วพาไปดำน้ำก่อนแล้วค่อยกินก็ได้ ลงไปแบบนี้จุกพอดี แต่ถึงจะบ่นเยอะแต่เราก็เชื่อฟังเค้านะ ลงไปดำน้ำที่เกาะง่ามใหญ่ ซึ่งความสวยงามนั้นสู้ง่ามเล็กไม่ได้ครับ แต่ที่นี่ดอกไม้ทะเลเยอะมากๆ ปลาการ์ตูนเลยเห็นจนเป็นเรื่องธรรมดาครับ

จากนั้นก็ขึ้นเรือแล้วก็กินแตงโม เวลาดำน้ำถ้าครั้งไหนไม่กินแตงโมรู้สึกว่าไม่ถึงจริงๆ ชุมพรคาบาน่าจัดการเรื่องอาหารได้ดีจริงๆ
จากนั้นเหล่าป้าๆก็เริ่มหลับ ส่วนหนุ่มๆก็หลับเหมือนกันเพราะว่าเมื่อคืนนั่งรถตู้ตะลุยมาจากกรุงเทพก็เลยเหนื่อยเป็นพิเศษ จากนั้นขึ้นฝั่งผมก็เลยไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด ส่วนคนอื่นชุดแห้งแล้วก็เลยไปรอที่รถตู้ครับ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางไปต่อที่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร

ซึ่งตอนแรกเราเชื่อแผนที่ Google แล้วก็เลยไปไกลเลยจนต้องโทรถามที่อุทยานซึ่่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามีหลายคนขับรถตาม Google ก็หลง ดังนั้นใครจองที่พักที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรอย่าหลงเชื่อ Google เพราะคุณอาจจะผิดแบบเรา ผมอ้อมกลับใช้เวลาเป็นชั่วโมง จนแต่ละคนตัวแห้งสนิทเลย
เมื่อถึงที่พักที่อุทยานแห่งชาติผมก็รู้สึกว่าที่นี้ไม่แตกต่างจากโรงแรมเลยห้องพักที่นี้ดีมากๆ มีครบทุกอย่างเลย แถมอากาศดีด้วยไม่มีร้อนเลย แต่อาหารเช้าไม่มีเท่านั้นเองครับ ลองไปชมห้องพักกัน
ในห้องมีสองเตียงครับ มีผ้าเช็ดตัวให้ด้วย โทรทัศน์แม้จะเล็กแต่ช่องก็เยอะเหมือนกัน เมื่อทุกคนต่างอาบน้ำเสร็จแล้วก็เริ่มหาร้านอาหารกันอีก ซึ่งถามเจ้าหน้าที่ก็มีคนแนะนำร้านเจ๊อ่างก็เลยไปตามเค้าดูครับ ซึ่งสถานที่จะอยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรม Novotel

เมื่อมาถึงร้านเจ๊อ่างเริ่มลังเลกว่าจะกินดีมั้ย เพราะว่าคนเยอะมากๆ และหลายๆโต๊ะก็ยังไม่ได้อาหารด้วย ลังเลอยู่นานแต่ก็นั่งกันบนโต๊ะเลย จากนั้นรีบสั่งอาหาร แล้วก็ รอ นานกว่ายี่สิบนาที

จนอาหารมา ก็มีแกงส้มที่เป็นอาหารใต้หน่อยซึ่งก็เผ็ดถึงใจมากๆครับ แล้วก็มีอาหารทะเลตามสูตรรสชาติใช้ได้ตามราคาครับ จากนั้นก็กลับที่พัก ซึ่งวันนี้หัวถึงหมอนก็หลับแบบไม่รู้เรื่องเลยครับ เหนื่อยจริงๆ วันนี้

วันที่ 2 พฤษภาคม 2557 ผมตื่นเช้าพร้อมพกกล้องออกไปด้วย แต่อากาศในห้องเย็นมากจนกล้องหนาว(ภาวะเลนส์หน้ากล้องมัว) เลยถ่ายอะไรมาก็มัวไปหมด แถมฝีมือผมก็ไม่ค่อยจะดีดี วิวตอนเช้าที่ถ่ายมาก็ไม่ค่อยสวย แต่ตอนเดินสูดอากาศเย็นๆ วิวสวยๆ สุดยอดมากครับ

จากนั้นเริ่มตั้งวงไม่พ้นของกินครับมื้อนี้ง่ายหน่อย คือมาม่า ขนมปัง กาแฟครับ ใครกินไรก็หยิบเลยครับ ผมกินมาม่าหมุสับกินเพลิน
 เมาท์กันสนุกดูเวลา เอ้ย 8.30 วันนี้ต้องไปดำน้ำนะซึ่งเรือออกตอน 9 โมง แถมเรายังไม่ได้โทรบอกเจ้าหน้าที่ให้ช่วยหาเรือให้เลยเมื่อพี่ในกลุ่มโทรจองเรือแล้ว ก็พึ่งรู้ว่าอาหารกลางวันไม่มีให้นะ เราก็เลยต้องหาอาสาสมัครไปซื้ออาหารครับ ซึ่งได้พี่คนหนึ่งกับเพื่อนอาสาไปซื้อ ส่วนคนอื่นกลับเข้าห้องอาบน้ำเตรียมของ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะกลับมา แถวๆนั้นแทบจะไม่มีอะไรซื้อเลยได้ข้าวหมูแดงกลับมาเจ็ดกล่อง

จากนั้นไปที่สำนักงานเพื่อขึ้นเรือครับที่นี่เจ้าหน้าที่จะติดต่อเรือประมงไว้ให้ ส่วนอุปกรณ์สน๊อกเกิลต้องเช่าครับ ชุดละร้อยหากพังปรับ 800 เราจึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง
เมื่อกลุ่มเราขึ้นเรือแล้วก็คุยกับพี่ชาวประมง ซึ่งพี่ชาวประมงคนนี้เจอพวกเราก็คงเห็นถึงความวุ่นวาย แกก็เลยชอบที่จะพูดกัดแบบตลกๆอยู่หลายๆที ก็สนุกน่ารักไปอีกแบบครับ ต้องบอกว่าระหว่างก่อนออกน่านน้ำทะเลบริเวณนี้เป็นน้ำกร่อยครับ มีป่าโกงกางด้วย ซึ่งจะมีดินกั้นกันคลื่นจากทะเลเข้าทำให้น้ำนิ่งมากๆครับ
ผมเห็นภาพแล้วประทับใจมากๆ มันฟ้าทั้งในน้ำและบนท้องฟ้าจริงๆ ตอนนั่งเรือนะ ฟินสุดๆเลยครับ
ยังกับอยู่อีกโลกของชีวิตเลย (งง กับประโยคนี้ไหม) คือประมาณว่าไม่เคยเจออารมณ์แบบนี้ แม้ว่าจะไปเที่ยวทะเลที่ไหนก็ไม่เคยเจอภาพแบบนี้นะครับ

เกาะนี้ถ้าจำไม่ผิดเรียกว่าเกาะหลักแรด แต่พี่บางคนก็ดูว่าเป็นเกาะเต่า มีหัวมีกระดองมีหางครับ แต่ผมมองเห็นเป็นคนสองคนกำลังจะจูบกันตรงด้านซ้ายนะครับ เหมือนกับสองคนนี้จะรักกันมาก ผู้ชายฝั่งซ้ายพึ่งได้ออกพ้นจากทะเลขึ้นมาจูบหญิงที่ตนรัก (มโนมากไปไหม)

พวกเราสามารถดำน้ำได้สองจุดจึงเลือกเกาะมาตราและเกาะรังกาจิว ซึ่งพี่ประมงบอกว่าสวยที่สุดครับ
พวกเราลงไปดำน้ำแล้วก็รู้สึกว่าน้ำมันค่อนข้างขุนเลยทำให้มองไม่ค่อยสวยเหมือนเมื่อวาน พวกเราดำน้ำอยู่พักนึง แล้วก็ขึ้นครับ ซึ่งตอนนั้นก็จะบ่ายโมงกว่าแล้วเพราะว่ามาขึ้นเรือช้าด้วย แถมนั่งเรือไปแต่ละเกาะใช้เวลาเดินทางนานอีก

พวกเราเดินทางไปที่เกาะรังกาจิว เริ่มแรกคิดว่าจะนำข้าวหมูแดงไปกินบนฝั่งดีไหม แต่ดูจากฝั่งแล้วก็ไกลเหลือเกินถ้าว่ายไปข้าวคงจะเปียกหมดเลย จะว่ายน้ำก่อนแล้วค่อยกินก็จะหิว กินก่อนแล้วค่อยว่ายก็กลัวจะจุก วุ่นวายมากๆ จนเพื่อนผมโดดลงไปในน้ำแล้วก็ขึ้นมาบอกว่าโคดหินเยอะ หอยเม่นก็มีเยอะด้วย เลยอ้อนพี่ชาวประมงให้นำเรือเข้าไปใกล้ฝั่ง แต่เค้าก็บอกว่าเข้าไม่ได้

เราก็เลยกินข้าวก่อน เพื่อรอให้เรืออีกลำออกไปก่อนเพื่อที่เราจะได้ให้พี่ชาวประมงเข้าไปเสียบแทนครับ(ให้ใกล้ฝั่งมากขึ้น)

เมื่ออิ่มแล้ว พี่ชาวประมงย้ายเรือไปจอดใกล้ๆ แถมยังนำเชือกไปมัดด้วย พวกเราก็ลงครับ เหลือพี่ๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็นยังไม่ลง ก็โดนพี่ประมงแซวว่าขี้ขลาดอีก แต่คนที่ว่ายน้ำเป็นพยายามว่ายไปขึ้นฝั่งก็จะเจอโขดหิน แล้วก็เจอเม่นทะเลด้วย กลัวมากๆครับ แต่สุดท้ายก็ไปจนถึงฝั่งจนได้ ต้องใช้แขนกวักอย่างเดียวเลย

ที่เกาะรังกาจิว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสผ่านมายังเกาะลังกาจิวด้วยจึงมีลายฝีพระหัตถ์จารึก จปร. และ ร.ศ. จำหลักอยู่บนแผ่นหินบริเวณด้านหน้าปากทางเข้าถ้ำนกนางแอ่น พวกเราที่มาถึงฝั่งได้ชมกัน
จากนั้นก็เป็นช่วงหาทางกลับ เพื่อไม่ให้เจอหอยเม่น ซึ่งก็โชคดีที่พี่ในกลุ่มนำพาเราไปถึงเรือโดยไม่เจอหอยเม่นสักกะตัวเลย จากนั้นขึ้นเรือแล้วก็กลับเข้าฝั่งครับ ดำน้ำครั้งนี้แค่สองจุดจึงไม่เหนื่อยมากครับ แต่วิวรอบๆสวยงามจับใจจริงๆ ขากลับพี่ชาวประมงบอกว่าฝนใกล้จะมา กลัวว่าจะเจอฝน แต่เราก็โชคดีไม่เจอฝน

กลับที่พักอาบน้ำแล้วก็ไปเดินเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติยามเย็น

ด้วยความล้าหลังของผมเองที่ไม่เคยพายเรือแคนู พอไปเจอเรือแคนูก็เลยขอลงไปพายเลย หารู้ไม่ว่ามันเมื่อยแขนมากๆ โดยแรกๆพายจนเรือหมุนอยู่รอบๆ จนพี่ที่พายด้วยเอือมระอา แต่พอเวลาผ่านไปเริ่มบังคับทิศได้ก็เลยออกด้านนอกมุ่งสู่ป่าโกงกางเลย

ระหว่างที่พายนั้นบรรยากาศดีมากๆ วิวธรรมชาติ แสงแดดก่อน ดูตื่นตาตื่นใจ แต่ยิ่งพายยิ่งไกล ผมก็กลัวพายกลับไม่ไหวด้วย แต่ยังอุ่นใจที่พี่ที่นั่งข้างหลังช่วยพาย ใช้เวลาพายไปกว่าครึ่งชั่วโมง แล้วก็กลับเข้าฝั่งตัวเปียกเพราะว่าจับไม้พายผิดวิธีน้ำไหลเข้าเรือหมดเลย

จากนั้นงานหลักของเราก็คือไปหาของกิน ซึ่งก็ไม่รู้จะกินอะไรก็เลยถาม foursquare ก็เจอคำว่าถนนผัดไทก็เลยไปตาม Google ซึ่งก็เดาว่าคงจะไ่มพาหลงนะ

ขับรถไปเรื่อยๆ จากป่าเข้าสู่ตัวเมืองเห็นร้านอาหารต่างๆ ก็ตื่นเต้นมากด้วยความหิวเลยจอดแล้วลงเดินดูอาหารทันที เมนูเยอะมากๆครับ ใครมาเที่ยวที่ชุมพรลองมาดูนะครับ อาหารไม่แพงหลากหลายมากๆด้วย

เริ่มต้นด้วยร้านแรกคือข้าวแกงแบบชาวปักใต้ครับ เพราะกลัวมาไม่ถึงเลยสั่งเลย แกงส้มรสจัดจ้าน หอยทอดทะเลรวม แต่ละคนอารมณ์ดีกันทั้งนั้นกินจนอิ่มเลยครับ จากนั้นระหว่างทางผ่านร้านโรตี ทุกคนรวมความเห็นว่าต้องไปกินให้ได้
แวะเข้าร้านโรตีฟารีดาสั่งกันแหลกเลยครับ อยากกินอะไรสั่ง อยากชิมอะไรชิม มื่อสั่งเสร็จแล้วรอนาน เพราะว่าลูกค้าเยอะมากจริงๆ สักพักอาหารปักใต้ที่เรากินกันไปเริ่มพอง ภาวะเริ่มอืดเริ่มตามมา ร้านนี้จะมีน้ำชาร้อนให้ทานฟรีด้วย ซึ่งลองทานแล้วก็รู้สึกอร่อยดี และใครโปรดปรานน้ำหวานกาแฟ ชา โกโก้ ก็สั่งได้เลย มีขนมปังปิ้งหน้าต่างๆ และที่สำคัญคือโรตีหน้าแปลกๆด้วย ผมสั่งโรตีพิซซ่า ดังรูปด้านล่างครับ มีใส่ปูอัดด้วย และก็มีโรตีฟารีดา เป็นโรตีที่ใส่ผลไม้รวม

หลังจากกินเสร็จท้องแทบแตกครับ ทุกคนมุ่งหน้ากลับที่รถเลย แต่ระหว่างทางพวกเราก็ยังเป็นห่วงอาหารเช้าเพราะว่าแม่ครัวที่อุทยานติดภาระกิจครับ เราก็เลยซื้อของตุนไว้กินตอนเช้า
อาหารเช้าที่วางแผนไว้ว่าจะกินวันพรุ่งนี้คือ หมูทอด ตีนไก่ทอด ตับทอด(สั่งแบบเข้าใจว่ามันเป็นหมูกระเทียม) ข้าวเหนียวมะม่วง และสังขยาใส่ข้าวเหนียว

ระหว่างทางกลับที่พักเหลือผมคนเดียวที่ยังอยากกินน้ำเต้าหู้ เพราะว่าไม่ได้กินมาหลายวันเลย Request ให้ซื้อระหว่างทางก่อนขึ้นรถตู้
มาชุมพรแต่น้ำเต้าหู้สูตรหาดใหญ่ครับ ซื้อเสร็จแล้วกลับมากินที่ห้องฟินสุดๆ ไม่ใส่น้ำตาลหอมมากๆครับ แถมถุงยังมีเบอร์โทรให้ด้วยนะ ร้านไม่ใช่เล็กๆ เลยนะ จากนั้นก็อาบน้ำแล้วก็เข้านอน วันนี้ไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ครับ แต่ก็หลับปุ๋ยเลย

ต่อ Part 2/2

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)