Somewhere in Nan Part 3/3

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2558 
ผมและคุณพ่อคุณแม่ตื่นแต่เช้า เพื่อเดินทางเข้าเมืองน่านเพื่อตักบาตร ระยะทางจากโรงแรมเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองไม่ไกลมาก นั่งรถสักพักก็ถึง ในตัวเมืองดูเงียบสงบ แต่พอกลุ่มผมลงไปเท่านั้นความสงบก็เริ่มจางหายไป พระเดินมาบิณฑบาตพอดีเลย สามารถหาซื้อข้าวปลาอาหารตักบาตรได้

บริเวณแถวนี้ใกล้กับตลาดสดมากสามารถเดินเข้าไปซื้ออาหารทานเล่นได้ แต่เนื่องจากอาหารส่วนใหญ่เป็นผักเป็นปลาสดจึงไม่สามารถซื้อได้ แต่ก็ยังมีขายของฝากด้วย ใครชอบซื้อเสื้อผ้าสัญลักษณ์จังหวัดก็ซื้อได้ ราคาไม่แพงด้วย
บรรยากาศโดยรวมแล้วดูเรียบง่าย เหมือนกรุงเทพแต่อากาศดี เย็นสบาย สงบ รถค่อนข้างน้อยทำให้รู้สึกสบายใจสบายกายในการเดินเลือกซื้อของทานเล่นยามเช้า พวกขนมไทย หมูปิ้งก็เลือกซื้อได้ ผมได้ซื้อน้ำเต้าหู้ และขนมครก นั่งทานกับคุณพ่อคุณแม่ระหว่างรอเพื่อนๆ ซื้อของ จากนั้นกลับเข้าที่พักเพื่อทานอาหารเช้า และเก็บกระเป่าขึ้นรถ เพราะเราจะออกเที่ยวแล้วก็จะกลับกรุงเทพเลย

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถตู้และออกเดินทางไปชมภาพศิลปะกันที่

หอศิลป์ริมน่าน

สถานที่แห่งนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ควรมา เพราะเป็นการรวมภาพศิลปะต่างๆ ไว้ที่นี้ แม้ว่าผมจะมองแล้วไม่ค่อยเข้าใจการเมื่อได้มาชมแล้วก็รู้สึกชอบ




เมื่อได้ชมด้านในจนครบแล้วอย่าลืมออกมาด้านนอกด้วยนะครับ มีหุ่นกระซิบรักทำจากโลหะ สวยแปลกตาดูทันสมัย นอกจากได้ชมศิลปะแล้วยังมีกาแฟสดให้ซื้อทานได้ นั่งทานในร้านบรรยากาศชาวเหนือมาก

ร้านน่านผ้าลายน้ำไหล


หากใครที่ชื่นชอบผ้าซิ่น ลายไทยของดีจังหวัดน่านก็ลองแวะได้ มีหลายร้านคล้ายๆ กับ
OTOP แต่สำหรับผมแล้วไม่ได้สนใจเลยของผ่าน

บ่อเกลือ
จุดท่องเที่ยวแห่งนี้หากได้ไปแล้วจะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ขึ้นเขาลงเขา
นั่งจนเวียนหัวมาก หากใครเมารถแล้วทานยาแก้เมารถดักไว้ได้เลย 
แต่ก่อนจะถึงบ่อเกลือก็แวะ

ร้านอาหารปองซาบ่อเกลือ
สถานที่แห่งนี้มีทั้งห้องพัก และร้านอาหาร การจะมาพักแห่งนี้จะได้ความสงบเป็นอย่างมาก
วิวรอบที่พักสวยงามมากชีวิตอยู่ท่ามกลางหุบเขา ไร้การติดต่อกับผู้ใด
ช่วงเวลาที่ผมไปนั้นเป็นช่วงเที่ยงทำให้อากาศค่อนร้อน แต่เนื่องจากมีลมเย็นตลอดเลยทำให้ไม่รู้สึกร้อนมาก
บรรยากาศโดยรอบสวยงามมีวิวมองไปสบายใจ หากได้อยู่ถึงตอนเย็นคงจะสบายมากกว่านี้
การตกแต่งออกแนวทันสมัยปนความเรียบง่าย มีการประดับตกแต่งศิลปะเมืองเหนือได้อย่างลงตัว


หน้าตาอาหารคาวที่ผมได้ทาน มื้อนี้อิ่มมาก ทานจนเหลือ เสียดายเหมือนกันแต่คนจัดก็จัดเต็มเหลือเกิน
จุดเด่นของร้านอาหารแห่งนี้คือเค้ก Chef ที่นี้ไม่ได้ธรรมดาเพราะเค้าจบจากเมืองนอกด้านอาหาร
ซึ่งเค้กก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด

เค้กส่วนใหญ่จะมีรสชาติไม่หวานมาก ตกแต่งได้อย่างสวยงามมีแตงโม,แผ่นส้ม,สตรอเบอร์รี่วางไว้ทานแก้เลี่ยน
นี้ยังไม่ใช่จุดเด่นนะครับ เพราะจุดเด่นคือ
เค้กเกลือ ตอนแรกฟังแล้วก็ยังสงสัยว่าเป็นเกลือทั้งชิ้นหรือจะเป็นอย่างไร

และแล้วก็มาเสริฟ

เป็นเค้กเครปสีขาวธรรมดา แต่โรยด้านบนด้วยเกลือ ซึ่งเค็มนิด ทำให้ได้รสชาติเค็มและหวานพร้อมๆกัน
แนะนำให้ลองทานหากมาถึงร้านอาหารแห่งนี้

Facebook ทางร้าน

จุดเที่ยวต่อไปคือ บ่อเกลือ เหตุฉะไหนถึงมาเที่ยวบ่อเกลือเพราะเป็นความพิเศษตรงที่บ่อน้ำในหุบเขานี้มีความเค็ม
จนสามารถทำเกลือได้ และไม่ได้มีทุกบ่อ มีแค่บางบ่อที่เป็นน้ำเค็ม ซึ่งหากพูดถึงการทำเกลือคงจะนึกถึงทะเล
แต่ชาวน่านก็มีเกลือในหุบเขาได้เช่นกัน ถือว่าเป็นบ่อน้ำเค็มที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวบ้านเลยก็ว่าได้



การเดินทางมาที่นี้ร้อนมาก นอกจากจะเวียนหัวกับการขึ้นลงเขา เข้าออกรถตู้เจออากาศเย็นอากาศร้อน
ร่างกายแทบจะปรับตัวไม่ทัน ที่แห่งนี้ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบ่อเกลือจริง ชมห้องการผลิตเกลือ
นอกจากนั้น ยังมีสินค้าเกลือขายได้ซื้อกลับไปด้วย

หลังจากได้ชมบ่อเกลือแล้ว ก็กลับขึ้นรถด้วยความเหนื่อยและพึ่งรู้วิธีการที่ทำให้ไม่มึนหัว
คือการ หลับตาตลอดทาง อย่าไปดูเส้นทาง (แต่ก็ยังคงมึนอยู่) นั่งรถอยู่ประมาณ หนึ่งชั่วโมงก็ได้มาชม

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา 
มองตอนแรกจากรถตู้แล้วไม่ได้มีอะไรมาก แต่เมื่อลงไปแล้วก็จะเห็นวิวที่สวยงาม

สถานแห่งนี้ถือว่าค่อนข้างคุ้มกับการมาชมความงามในมุมสูง อากาศดีมาก หลังจากชมแล้วก็ขึ้นรถออกเดินทางในเวลานานมาก 2 ชั่วโมงเพื่อกลับไปจุดสำคัญสุดท้ายก่อนกลับ

พระธาตุแช่แห้ง

เป็นวัดที่เหมาะสำหรับคนเกิดปีเถาะ ส่วนประวัติแล้วพยายามหาอ่านก็เจอแค่เป็นพระธาตุประจำปีเถาะครับ โดยรวมแล้วสถานที่แห่งนี้ก็ควรมาอีกเช่นกัน หลังจากนั้นก็ไปทานอาหารเย็น


ร้านปุ๋ม 3

ร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านดัง ในตัวเมืองลูกค้าเข้าร้านค่อนข้างมากดูเก่าแก แต่ผมยังงงสำหรับชื่อว่าทำไมต้องเป็นสาม คาดว่าน่าจใช้สาขาที่สามแน่ๆ( รึเปล่า) รสชาติของร้านนั้นจะรสชาติจัดจ้านมากที่สุดที่ทานมาทุกร้าน ใครที่ชอบความเข้มข้น จัดจ้านก็ควรจะมาทาน

อาหารที่ไม่ควรพลาดคือ มัสมั่นไก่ ซึ่งรสชาติค่อนข้างหอม ใครชอบก็อย่าพลาด

หลังจากทานอาหารแล้วก็ออกเดินทางไปจังหวัดแพร่เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพด้วยรถไฟ ใช้เวลาเดินจากน่านไปแพร่สองชั่วโมง คนขับเหยียบสุดเลยเพราะเวลาตึงมาก เกือบตกรถไฟครับ ไปสาย 20 นาที แต่สักพักรถไฟก็มาแล้วก็กลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัย

ทริปน่านครั้งนี้สนุกประทับใจที่ได้มากับคุณพ่อคุณแม่

ข้อแนะนำเลย หากมีงบ หรือหาโปรโมชันได้ นั่งเครื่องบินจะสะดวก จุดท่องเที่ยวหลายจุดอยู่ในตัวเมือง นั่งรถชมได้ แต่หากใครสามารถขับรถได้หารถเช่าเที่ยวสถานที่เด่นได้เช่นกัน แต่เส้นทางเป็นหุบเขาขับอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ

Somewhere in Nan 1
Somewhere in Nan 2
Somewhere in Nan 3

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)