Somewhere in Nan Part 1/3



"ใบไม้ร่วงหล่น ในวันที่ต้องจากลา หลงเหลือเพียงแค่ความทรงจำ " 


Somewhere in Nan


ขอเปิดบทความนี้ด้วยใบเมเปิ้ลที่ร่วงหล่นจากต้น เริ่มด้วยประโยคที่ดูเหงาๆ แต่ความจริงแล้วไม่เหงาเลย การท่องเที่ยวในปีนี้เริ่มต้นด้วยจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือเป็นจังหวังที่ต้องตั้งใจไปเท่านั้นถึงจะได้ไป เพราะไม่ได้เป็นจังหวัดที่สามารถแวะได้ระหว่างทาง ปัจจุบันน่านกำลังจะกลายเป็นแหล่งที่ท่องเที่ยวใหม่ มีสายการบินใหม่ๆเริ่มบินไปสู่จังหวัดแห่งนี้ ทำให้คนเริ่มรู้จักมากขึ้น ไปเที่ยวจังหวัด น่าน กันครับ



ทริปนี้เป็นทริปที่ผมไม่ได้เกิดจากความอยากไปในตอนแรก แต่พี่สาวผมชวนไป กับกลุ่ม AIA ซึ่งผมมองว่าเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่จะได้ไปเที่ยวกับครอบครัว จึงได้ตอบตกลงที่จะไป แต่แล้วในวันเดินทางลูกของพี่สาวป่วยกระทันหัน จึงเหลือแค่ผมและคุณพ่อคุณแม่เดินทาง



วันที่ 29 มกราคม 2558 ผมเดินทางออกจากบริษัทนั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ก่อนออกเดินทางนั้นผมกับคุณแม่หาร้านอาหารแถวๆสถานีรถไฟหัวลำโพงทาน ซึ่งย่านนั้นราคาอาหารค่อนข้างสูงกว่าปกติเนื่องจากเป็นแหล่งรวมตัวของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางด้วยรถไฟ


ร้านอาหารที่ผมเลือกคือร้านลาภปาก อยู่ใกล้กับสถานทีรถไฟ MRT ภายในร้านตกแต่งสวยงาม อาหารน่าทานแต่รสชาติออกเค็มไปหน่อย หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วก็ทานไอศรีมทรงเครื่อง ซึ่งเป็นไอศรีมที่โรยด้วยซีเรียลธรรมดาทั่วไป หลังจากทานอาหารเสร็จแล้วผมก็แปรงฟัน เพื่อว่าขึ้นรถไฟแล้วก็จะได้นอนเลย



การเดินทางไปจังหวัดน่านครั้งนี้เดินทางด้วยรถไฟตู้นอน เป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางแบบนี้ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อได้ขึ้นไปบนรถไฟแล้วก็รู้สึกสะอาด แอร์เย็น มีปลั๊กสำหรับ Charge มือถือด้วย เรียกได้ว่าค่อนข้างสะดวกสำหรับคนที่ไม่รีบร้อนเท่าไหร่ บนรถไฟมีขบวนที่เป็นร้านอาหาร สามารถเลือกซื้อแล้วก็นั่งกินไปชมวิวข้างทางได้ ผมปีนขึ้นไปนั่งชั้นสองแล้วก็นั่งดูหนังจาก ipod เรื่องปาดังเปซา จนจบแล้วก็นอนหลับ หลับสบายจริงๆครับ 

วันที่ 30 มกราคม 2558 
เวลาประมาณ ตีสี่ครึ่งเจ้าหน้าที่เริ่มปลุก พี่ๆ AIA เริ่มเรียกให้พวกเราเตรียมตัวลงที่สถานนีเด่นชัยจังหวัดแพร่ เมื่อถึงสถานีเด่นชัยแล้วสมาชิกประมาณ 30 ชีวิตก็เดินลงมาหน้าตางัวเงีย ล้างหน้าแปรงฟันที่สถานีแล้วก็รอรถตู้มารับ รถตู้ทั้งหมดห้าคันนำพวกเราเดินทางจากแพร่ไปจังหวัดน่าน

ระหว่างเดินทางไปจังหวัดน่าน ช่วงเวลา 5.30 ก็แวะทานโจ๊กเป็นอาหารเช้า ด้วยจำนวนคนกว่า 30 คน ถึงขั้นต้องปิดร้านทำโจ๊กให้เราทานเท่านั้น เมนูเรียบง่าย แต่มีความแปลกตรงที่โจ๊กร้านนี้มีสาระพัดไข่ จะไข่ต้ม ไข่เยี่ยวม้า ไข่เค็ม เลือกได้หมด
สำหรับรสชาตินั้นอร่อย ทานตอนร้อนๆอากาศหนาวเข้าบรรยากาศเที่ยวเหนือ แต่ร้านนี้ให้หมูน้อยไปหน่อย มีแค่สี่ชิ้นเล็กๆเอง ก็ต้องหั่นแบ่งอีกจะได้กินได้หลายๆ คำ หลังจากทานโจ๊กเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ ระหว่างที่อยู่บนรถตู้นั้นยังกับมีมนต์สะกดให้คนบนรถหลับไหลอย่างไม่รู้เรื่อง

ผมตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองนั้นกำลังอยู่ท่ามกลางขุนเขาอันสวยงามเส้นทางคดเคี้ยว มองไปรอบๆแล้วรู้สึกมีอิสระมาก บางช่วงทางค่อนข้างชันก็รู้สึกเสียวบ้างเล็กน้อย



  อุทยานแห่งชาติขุนสถาน 
เมื่อไปถึงแล้วลงจากรถก็สัมผัสได้ถึงอากาศเย็น อากาศธรรมชาติ สดชื่นมาก เป็นการต้อนรับเข้าสู่ทริปน่านด้วยความประทับใจเป็นที่แรก
กิจกรรมแห่งนี้คือการถ่ายรูป ใครที่รักการถ่ายรูปก็จะมองหามุมแล้วก็ถ่ายรูป ช่วงที่ผมมานั้นส่วนใหญ่จะมีแต่กลุ่ม AIA จึงหามุมถ่ายรูปได้ง่าย เพราะคนไม่มาก อุทยานแห่งนี้สามารถกางเต้นท์นอนได้ หากได้มาพักที่แห่งนี้คงจะได้ดูดาวเต็มอิ่มแน่ๆ 

ขอโชว์อีกรูปที่สวยงาม เดินขึ้นไปบนเนินที่สูงจะทำให้เห็นเขาหลายๆ ลูก สวยงามมาก

หลังจากที่ได้ชมความสวยงามแล้วก็ออกเดินทางลงจากเขาซึ่งระหว่างทางก็มีบริเวณให้แวะชมได้อีก

สถานีวิจัยต้นน้ำขุนสถาน


ใครที่ต้องการชมซากุระเมืองไทย สามารถมาชมที่นี้ได้ มีต้นพญาเสือโคร่งจำนวนมาก แต่ช่วงที่ผมมานั้นดอกได้ร่วงหล่นไปหมดแล้ว เรียกได้ว่ามาในวันที่สาย แต่สิ่งหนึ่งที่พิเศษคือการที่มีคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวด้วย ทำให้รู้ได้ว่าเราควรรีบพาคุณพ่อคุณแม่มาท่องเที่ยว เพราะท่านอายุเริ่มมาก การเดินเหินท่องเที่ยวไม่สะดวกมากนัก
 ดอกชมพูภูคาซึ่งมีความเป็นสีชมพูสวยงามร่วงหล่นตามพื้น สวยงามไปอีกแบบ 

ชมสวนสตรอเบอร์รี่

เป็นสวนที่อยู่ระหว่างทางลงเขาอีกเช่นกัน สามารถเดินขึ้นไปชมได้ แต่ไม่มีคนเดิน เพราะก่อนทางขึ้นนั้นมีขายของ ผู้คนก็ต่างรีบซื้อของกัน จึงทำให้หลายๆคนไม่ได้มาชมสวนสตรอเบอร์รี่



การแวะชมครั้งนี้เน้นการซื้อของมากกว่า โดยเฉพาะสตรอเบอร์รี่ที่ได้จากไร่ รสชาติค่อนข้างอร่อย แต่ก่อนทานอย่าลืมล้างให้สะอาดก่อนนะครับ

เที่ยวบริเวณรอบๆเขาแล้วก็เดินทางมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองน่านกัน


ระยะทางค่อนข้างไกลใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่าสู่ร้านอาหารชื่อดังที่มาถึงจังหวัดน่านแล้วต้องมาทานให้ได้ (เค้าบอกมา)

ร้านเฮือนฮอม


ร้านอาหารชื่อดังเมืองน่านซึ่งมี Web ท่องเที่ยวต่างๆแนะนำให้มาทาน ทางเข้าร้านดูเรียบง่าย แต่อาหารแต่ละอย่างจัดเต็มมาก ครบเครื่องจริงๆ แต่แปลกที่ผมไม่ค่อยถูกปากกับอาหารเหนือ อาจจะเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับรสชาติของอาหารเหนือในมื้อแรก แต่โดยรวมแล้วผมก็ทานไปสองจาน
อาหารที่ควรจะต้องทานเมื่อมาจังหวัดน่านมีสามอย่าง
  • ไอศรีมบัวลอย ทีแรกฟังก็จินตนาการว่าเป็นบัวลอยที่ทำไอศกรีม แต่ความจริงแล้วคือเอาไอศรีมกะทิใส่ลงไปในบัวลอย ซึ่งรสชาติยอดเยี่ยม หวานมันจริงๆ ต้องลอง
  • ส้ม จังหวัดน่าน รสชาติหวานอร่อย
  • ข้าวหลาม ผมไม่ได้ทานเพราะหาไม่เจอ 
นอกจากนี้ ร้านอาหารเฮือนฮอมนั้นจะมีข้าวซอยและขนมจีนด้วย ลองทานได้อร่อยดีครับ

หลังจากที่ทานอาหารหลากหลายมากมายจนจำชื่อไม่ได้ก็เดินทางเข้าสู่ที่พักเพื่อเก็บของ

โรงแรมน่านตรึงใจ




โรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างสวยงาม แต่อยู่ไกลจากตัวเมือง ห้องพักกว้าง มีโซนนั่งเล่น เตียง  ห้องน้ำกว้าง อยู่กันอย่างสบาย สวยงามทุกอย่างเลยครับ แต่พื้นห้องค่อนข้างเย็นถึงเย็นมาก หากใครเช่ารถ หรือมีรถก็แนะนำให้มาพักได้ รับรองประทับใจแน่นอน จองผ่าน Agoda


นั่งรถชมตัวเมืองน่าน
หลังจากที่เข้าห้องพักแล้วก็ออกเดินทางไปตัวน่าน เพื่อนั่งรถราง (ไม่มีราง) ชมจังหวัดน่าน ไกด์พูดภาษาเหนือ Soundtrack ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ก็สนุกน่ารักดี นั่งรถชมรอบเมืองก็มีวัดต่างๆมากมายซึ่งส่วนใหญ่ไกด์จะพูดชื่อและเล่าถึงความสำคัญ จะมีปล่อยให้เข้าไปไหว้พระเฉพาะจุดหลักๆ
วัดแห่งแรกที่ได้แวะชมคือ วัดสวนตาลด้านหลังมีเจดีย์ซึ่งสร้างโดยพม่า ในสมัยก่อนนั้นมีการแข่งกันสร้างเจดีย์ซึ่งหากใครสร้างได้สูงกว่าคนนั้นจะได้ครองเมือง ชาวไทยเราก็มีความสามารถจนสามารถสร้างได้สูงกว่า จึงได้เมืองมาครอบครอง ด้านหน้ามีบ่อน้ำทิพย์สามารถชะเง้อชมบ่อได้

จากนั้นออกเดินทางด้วยรถรางไปต่อที่

โฮงเจ้าฟองคำ


บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าทรงไทย ซึ่งเป็นลูกหลานเจ้าของเมืองน่านโบราณ ซึ่งเป็นบ้านจริงๆ ที่ใช้อาศัยอยู่จริง ทรงบ้านสวยงาม สามารถเข้าไปเดินชมถ่ายรูปได้ ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความเป็นบ้านที่แท้จริง

วัดภูมินทร์



วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ทุกคนต้องมา ถือเป็นจุดสำคัญของจังหวัดน่าน อยู่ใจกลางเมือง ซึ่งช่วงที่ผมไปนั้นมีงานงานเทศกาลดอกชมพูภูคาบาน ผ้า เงินน่าน สู่อาเซียน ทำให้บริเวณรอบๆวัดเต็มไปด้วยร้านค้า ขายผ้าเครื่องประดับมากมาย มองจากด้านนอกดูเงียบสงบ สวยงาม จุดเด่นแห่งนี้คือผนังในวัดแห่งนี้
ภายในโบสถ์แห่งนี้ตรงกลางจะมีองค์มารวิชัยสี่องค์ สีทองเหลืองอร่าม รอบๆผนังแห่งนี้จะมีรูปภาพต่างๆ จุดหนึ่งต้องไปชม คือภาพกระซิบรัก ซึ่งเป็นภาพด้านซ้ายมือที่ผมยืนถ่ายอยู่ 
ภาพกระซิบรักแบบเต็มซึ่งถือว่าเป็นภาพต้นฉบับของศิลปะชาวเหนือเลยก็ว่าได้ ดูเล็บผู้หญิงแล้วดูน่ากลัวเหมือนกัน ยาวแหลมเชียว

หลังจากชมวัดภูมินทร์แล้วก็กับเข้าที่พัก


าง AIA จัดกิจกรรมแต่งตัวล้านนา ซึ่งผมไม่ได้ตั้งใจแต่งซักเท่าไหร่ ส่วนอาหารก็ทานที่โรงแรมน่านตรึงใจ ซึ่งรสชาติอร่อยใช้ได้ มีกิจกรรมจับฉลากการแสดงแต่ละชาติด้วย เรียกความสนุกสนาน พร้อมทั้งแลกของขวัญกันด้วย จากนั้นก็กลับห้องพักเพื่อพักผ่อนสำหรับกิจกรรมในวันพรุ่งนี้

Somewhere in Nan 1
Somewhere in Nan 2

Somewhere in Nan 3

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)