Somewhere in Nan Part 2/3


วันที่ 31 มกราคม 2558 ผมตื่นนอนตอนตีสี่เพื่ออาบน้ำเตรียมตัวออกเดินทางขึ้นเขา อากาศในตอนเช้านั้นค่อนข้างเย็นสบาย อยากหลับต่อ แต่จุดที่จะไปนี้เป็นจุดสำคัญที่ต้องมาให้ได้ 

ดอยเสมอดาว

ผมเตรียมขนมใส่กระเป๋าพกเครื่องกันหนาวเต็มที่เพราะเป็นคนขี้หนาวง่าย ระหว่างเดินทางด้วยรถตู้ผมตีตั๋วนอน ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงดอกเสมอดาว ตอนถึงนั้นฟ้ายังมึดอยู่ มีผู้คนที่ไปกางเต้นท์ต่างทะยอยมาแปรงฟันในยามเช้า ลมค่อนข้างแรงมาก การมาดอยเสมอดาวนั้นสามารถนั่งรถขึ้นมาถึงด้านบนได้เลย เป็นคนละอารมณ์กับภูกระดึง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ผมจึงได้มีโอกาสมาเที่ยวดอยโดยใช้พลังงานมากในการเดินทาง

ระหว่างที่รอพระอาทิตย์ขึ้น ผู้คนมักจะไปจองที่กันหน้าผาเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้น ผม คุณพ่อคุณแม่และพี่ๆในกลุ่ม ก็หาจุดรอพระอาทิตย์ขึ้น
ความโชคร้ายของผมคือ การมาชมพระอาทิตย์ขึ้นทุกครั้งนั้น ท้องฟ้าจะโดนเมฆบังเสมอ ภูกระดึงที่ตั้งใจไปทั้งสองครั้ง ก็โดนเมฆบังทั้งตอนพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก แต่ก็ถือว่าเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสวยงาม ลมเย็นสบาย
บริเวณทางขึ้นหน้าผาค่อนข้างชัน หลายๆคนมักจะไปยืนรอชมความงาม แต่ผมกลับมองเห็นทางขึ้นมีวิวที่สวยงาม มีผู้คนเป็นเบื้องหลัง ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ต่างประเทศ

หลังจากชมดอยเสมอดาวเสร็จแล้วจึงได้เดินทางต่อไปที่

วัดพระธาตุเขาน้อย



วัดอีกแห่งนึงซึ่งสำคัญ และเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด เห็นองค์พระแล้วทราบทันทีว่าอยู่ที่จังหวัดน่าน
พระพุทธรูปปางประทานพร ยืนหันหน้าออกจากหน้าผา มองไปรอบๆ จะเห็นจังหวัดน่าน เป็นวิวที่สวยงามมาก ผมเคยดูรูปที่ถ่ายมาจากมุมสูงเห็นองค์พระขนาดไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับเมือง แต่เมื่อมาชมด้วยตาตัวเองแล้ว องค์จริงใหญ่มาก สวยงาม เป็นเอกลักษณ์

นอกจากองค์พระที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว อย่าลืมเข้าไปกราบไหว้พระประธานในอุโบสถด้วย

องค์พระแห่งนี้เป็นศิลปะจากทางประเทศพม่า ซึ่งหลายๆวัดผมได้เห็นนั้น มีการผสมผสานศิลปะจากพม่า เรียกได้ว่าเป็นเมืองพี่เมืองน้องก็ได้ครับ มีองค์พระทันใจให้ได้กราบไหว้ด้วย มีหลายวัดด้วย หลังจากที่ได้กราบไหว้รับสิ่งดีๆ แล้วก็กลับโรงแรมน่านตรึงใจ เพื่อทานอาหารเช้า

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จแล้วทาง AIA ก็มีจัดกิจกรรมสนุกๆ เล่นเกมจำชื่อ เล่นวิ่งวิบาก สนุกทั้งคุณลูกคุณแม่คุณพ่อ  จริงๆแล้วเสียดายเวลาอยากที่จะได้เที่ยวมากกว่า แต่การมีกิจกรรมแบบนี้ก็ทำให้รู้จักกัน ได้ใช้เวลากับคุณพ่อคุณแม่ ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี และยังได้ขอขมา ล้างเท้าให้คุณพ่อคุณแม่ด้วย เป็น Family trip ที่เรียกน้ำตาได้ทีเดียว

ล่องแก่งน้ำว้าแม่จริม
กิจกรรมยามบ่ายนั้นคือการล่องแก่น คุณพ่อผมไม่อยากให้ไป เพราะกลัวอันตรายต่างๆ นานา แต่คุณแม่อยากไป จึงลากคุณพ่อไปด้วย สุดท้ายคุณพ่อทนแรงต้านไม่ไหวก็ลงไปลองแก่งด้วยกัน ผมไม่เคยล่องแก่งมากก่อน จึงค่อนข้างตื่นเต้นเพราะเคยเห็นในโทรทัศน์นั้นดูน่ากลัว ดูจากรูปโปรโมทก็น่ากลัว แต่พี่ที่เคยมาบอกว่าเด็กๆมาก ระดับสอง หรือระดับเริ่มต้น คุณแม่ 70 และ เด็ก 4 ขวบก็ลงได้

แก่งในแม่น้ำว้านั้นมี 5 แก่งไม่แรง สนุกดีๆ มีอุปกรณ์ชูชีพครบถ้วน ถ้าพายจนถึงฝั่งใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่ของผม พาย 1 ชั่วโมง และให้เรือหางยาวจูงเราไปขึ้นฝั่งอีก 1 ชั่วโมง แนะนำเลย ควรจ้างเรือหางยาวไว้ลากด้วย เพราะหากพายเอง 4 ชั่วโมงอาจจะไม่ได้ขึ้นฝั่งได้ เนื่องจากค่อนข้างไกล แต่ระหว่างที่อยู่บนเรือวิวสวย โชคดีแดดไม่ร้อน ส่วนเรื่องตัวเปียกนั้น เปียกครับ ไม่ใช่เพราะน้ำเชี่ยวหรอกครับ แต่เรือของเพื่อนอีกลำแกล้งกวักน้ำเข้าเรือ

หลังจากที่ล่องแก่งเสร็จแล้วก็เดินทางไปทานอาหารเย็นต่อที่ เฮือนเจ้านาง

ร้านนี้เป็นอีกร้านดังร้านหนึ่งที่ควรมา บรรยากาศสงบติดแม่น้ำ แนะนำให้ไปทานกันตอนเย็นๆ แต่อย่ามืดมากจะได้เห็นวิวแม่น้ำที่สวยงาม
มื้อนี้จัดเต็ม มีอาหารเหนือหลายยอ่าง จนผมจำชื่อเมนูไม่ได้ แต่รสชาติอร่อยดี  หากมีโอกาศควรไปทานดู

แม้ว่าจะอิ่มจากร้านเฮือนเจ้านาง แต่รายการต่อไปคือการไปทานขนมหวานที่ขึ้นชื่อที่สุดในจังหวัดน่าน ทางคนจัดบอกว่าหากใครมาแล้วไม่มาทานร้านนี้ถือว่าผิดพลาดอย่างร้ายแรง

ร้านของหวานป้านิ่ม
ร้านนี้ยามค่ำคืนคนมาทานเป็นจำนวนมาก ต้องต่อแถวอย่างใจเย็นแล้วค่อยๆสั่ง ป้านิ่มขายเองเลย ประวัติผมทราบไม่มากนัก ป้านิ่มขายแต่ของหวานจนซื้อโรงแรมได้แค่นั้นเอง ดังนั้นมาแล้วอย่าลืมไปชิมร้านของหวานร้านนี้นะครับ
ของหวานที่ควรทานคือ ไอศกรีมบัวลอย ที่อร่อยร้อนๆ หอมหวานมะพร้าวมาก ต้มกันสดๆ เลย

หลังจากทานอาหารเย็นและขนมหวานจนอิ่มท้องแล้วก็เดินทางกลับที่พักนอนหลับพักผ่อน

face2cu

Somewhere in Nan 1
Somewhere in Nan 2
Somewhere in Nan 3

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)