Lost in Laos Part 4


วันที่ 5 ธันวาคม 2558 ชมวัดในหลวงพระบาง

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่จะเที่ยวในตัวเมืองหลวงพระบาง ผมตื่นแต่เช้า จัดการแพ็คกระเป๋าเพราะคืนนี้ต้องเดินทางกลับเวียงจันทน์ทันที ต้องคืนห้องก่อนเที่ยงด้วย หลังจากจัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็หาอาหารกินในตอนเช้า ผมแยกออกเป็นสองกลุ่ม เพราะพี่กลุ่มหนึ่งอยากไปกินอาหารเช้าที่ร้านประชานิยม แต่ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยว


ร้านอาหารนี้ อยู่ใกล้ๆ กับร้าน Joma สามารถเดินไปได้ มีก๋วยเตี๋ยว(เฝอ)และข้าวเกรียบปากหม้อภายในร้านจะเป็นแบบร้านอาหารท้องถิ่น มีชาวต่างชาติ และคนท้องถิ่นมากินกันเรื่อยๆ ร้านขายดีมากๆ


ผมสั่งเฝอได้ข้าวซอยแทน ตอนแรกกะว่าจะไม่กิน เพราะกลัวกลิ่นเครื่องเทศแรง แต่พอกินแล้วติดใจอร่อย เส้นของข้าวซอยนั้นแตกต่างจากเส้นทั่วๆไป เป็นเส้นลักษณะทำเอง รสชาติอร่อยเข้มข้นแปลกดีครับ แนะนำให้ลองทานดูครับ จะไม่ใช่ข้าวซอยแบบไทยไม่มีขมิ้นเลย

หลังจากทานข้าวอิ่มแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซด์ไปหาพี่ที่กินข้าวเช้าที่ร้านประชานิยมจากนั้นเราจึงขี่มอเตอร์ไซด์ไปยังวัดที่ไกลก่อน แล้วค่อยๆกลับมาเที่ยววัดใกล้

Wat Wisunalat

วัดแห่งนี้เสียค่าเข้าชม 20,000 KIP ครับ วัดแห่งนี้มีพื้นที่ค่อนข้างมาก มีสถูปตั้งอยู่ด้านหน้าของวัด และเมื่อเดินเข้าไปในจะมีโบสถ์ที่ดูภายนอกสวยงามเมื่อมองผ่านประตูจะเห็นองค์พระพุทธรูปปรางค์สมาธิองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง

Wat Aham
วัดแห่งนี้ติดกับวัดWisunalat สามารถเดินไปชมได้ วัดแห่งนี้ดูเงียบสงบไม่ค่อยมีคนเข้ามาชม

จากนั้นเดินทางไปที่วัดเชียงทองซึ่งเป็นวัด Hi-light ของเมืองหลวงพระบางเที่ยวหลวงพระบางมาไม่มาวัดนี้ถือว่ามาไม่ถึงนะครับ

ภายในวัดมีโบสถ์มากมาย ความพิเศษของวัดแห่งนี้คือศิลปะข้างโบสถ์ซึ่งทำจากกระเบื้องสีสันสวยงาม โดยถ่ายทอดความเป็นอยู่ของคนให้ท้องถิ่น มีผนังที่มีรูปต้นโพธิ์ ที่สวยงามซึ่งเป็นจุดที่น่าถ่ายรูป แต่เวลาถ่ายค่อนข้างยาก เพราะผนังโบสถ์นั้นสูงมาก
ผมกับเพื่อนๆใช้เวลาชมวัดแห่งนี้นานพอสมควร หากได้มีโอกาสมาในตอนเช้าอากาศเย็นกำลังดีครับ พอเวลาสายประมาณ 10.00 น. นักท่องเที่ยวก็มากันเต็มไปหมดเลยครับ
ในแต่ละโบสถ์จะมีองค์พระให้กราบไหว้ สามารถเข้าชมได้

หลังจากชมความงามของวัดเชียงทองแล้ว ก็ขี่มอเตอร์ไซด์กลับที่พักเพื่อคืนมอเตอร์ไซด์ แล้วนำกระเป๋าออกจากห้องจากนั้นจึงฝากไว้ที่พัก แล้วก็มาทานอาหารซึ่งจุดที่กินอาหารเที่ยงอยู่ติดกับร้านประชานิยมเป็นร้านปิ้งย่างหลากหลาย ทานคู่กับข้าวเหนียว

รสชาติหลายๆอย่างคล้ายคลึงกับอาหารไทยมาก ผมลองทานไส้อั่วแล้ว รสชาติจะอ่อนกว่าของไทยหลังจากกินอาหารเที่ยงแล้วก็ทานน้ำมะม่วงปั่นซึ่งอย่าเทียบกับน้ำปั่นบ้านเราที่อุดมไปด้วยน้ำแข็งและน้ำเชื่อม ที่ลาวนั้นเนื้อล้วนๆ น้ำแข็งน้อยมาก แถมไม่มีน้ำตาลได้รสชาติมากแนะนำว่าห้ามพลาดเลย ของเค้าดีจริงๆ

หลังจากที่อิ่มแล้วก็เดินไปที่พิพิธภัณฑ์หลวงพระบางมองด้านนอกตอนแรกเข้าใจว่าเป็นวัดนะครับ ตอนแรกไปถึงแล้วพนักงานบอกว่าปิด ก็รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เข้าชม แต่แล้วสักพักพนักงานอีกคนก็เดินมาขายตั๋วแล้วบอกว่าปิดพักเที่ยง ดังนั้นใครก็ตามที่ไปช่วงเที่ยงถึงบ่ายโมงต้องรอพนักงานมาก่อน


ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีพระบาง เป็นพระพุทธรูปปางประทานอภัย สูงสองศอกเจ็ดนิ้ว (ประมาณ 1.14 เมตร) หล่อด้วยสำริ และเครื่องใช้ต่างๆของกษัตริย์สมัยก่อน เนื่องจากผมเที่ยวกันเองจึงไม่ค่อยได้ทราบประวัติ เวลาเดินก็จะเจอกลุ่มทัวร์ที่มีไกด์คอยเล่า ผมก็เลยเดินไปตามด้วยฟังด้วย ได้ความรู้บ้าง


หลังจากที่ชมพิพิธภัณฑ์แล้วก็เดินดูวัดอื่นๆได้อีกสักพัก เนื่องจากใกล้กันมาสามารถเดินชมได้ แต่วัดอื่นๆที่ไม่ดังคนจะค่อนข้างน้อยครับ แต่ไหนๆมาแล้วก็เดินชมกัน

พอบ่ายสามก็ต้องรีบเดินขึ้นไปชมพระธาตุพูสี ซึ่งจะต้องออกแรงกันหน่อยทางเดินไม่ลำบากแต่ชัน สาเหตุที่ต้องขึ้นตอนบ่ายเพราะจะได้ไปชมพระอาทิตย์ตกข้างบน
ตลอดช่วงเย็นจะมีคนทยอยขึ้นไปเรื่อยๆ ร่มรื่นมากครับ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วก็จะเจอภาพได้รูปข้างล่างถือว่าคุ้มค่าครับ
จะเห็นเมืองหลวงพระบางและแม่น้ำโขง และรอบล้อมด้วยภูเขาดูแล้วรู้สึกชื่นช่ำมากๆ บรรยกาศรอบยังมีต้นไม้แซมตลอดทำให้เห็นถึงความเป็นอยู่ในรูปแบบดั้งเดิมบ้าง

บนพระธาตุแห่งนี้มีพระให้กราบไหว้ด้วยครับ แต่หลายๆคนขึ้นมาแล้วมักจะถ่ายรูปกันมากกว่าซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ลองหามุมที่ผมถ่ายจะได้เห็นเมืองหลวงพระบางสวยงามมากครับ คุ้มค่าจริง หลังจากชมวิวจนอิ่มหนำแล้วก็เดินลง พร้อมกับอากาศเย็นๆ และดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้า

ผมกลับลงมาแล้วก็ไปที่ร้าน Joma อีกครั้งเผื่อสั่งอาหารทานก่อนจะเดินทางไปเวียงจันทน์

เพื่อนๆผมสั่งขนมคุ๊กกี้กัน ส่วนผมสั่งของหนักเลยเป็น Wrap สุขภาพปราศจากเนื้อสัตว์ครับ รสชาติอร่อยเหมากับคนชอบกินผัก ซอสชุ่มอร่อยมากครับ หลังจากอิ่มเรียบร้อยแล้วก็เดินตลาดกลางคืนๆเล่นๆอีกครั้งจากนั้นจึงกลับเข้าที่พักอาบน้ำและรอเวลาเดินทางไปขึ้นรถไปเวียงจันทน์


จากครั้งแรกขามานั้นมีพี่คนนึงได้ที่นั่งหลังสุด บอกเวลานอนนั้นจะไม่สามารถยืดขาได้ ตอนจองขอต้นๆ สุดท้ายได้นั่งหน้าสุดนอนสี่คนครับ มีเป็นส่วนตัวสูงนอนด้วยกันสี่คนแต่ขายืดไม่ได้ ต้องนอนงอขาตลอดทางตั้งแต่สี่ทุ่มถึงหกโมงเช้าจนถึงเวียงจันทน์



face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)