Life in Australia Part 5

ต่อจากบทความที่แล้ว เที่ยวที่ Blue Mountain / Three sister

หลังจากที่กลับจาก Blue Mountain นั่งรถไฟกลับมาที่ Spingwood เดินทางไปยัง Conjola ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของ Syndey ใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมง ระหว่างทางแวะร้นอาหารไทยที่มีชื่อว่า The Posthouse Rooms


เมื่อเดินเข้ามาในร้านนั้นภายในร้านมีหลายโต๊ะที่ถูกจอง ซึ่งเราก็อยากที่จะนั่งในร้านเพราะฝนด้านนอกโปรยค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายทางพนักงานก็เลือกให้เรามานั่งด้านนอก ซึ่งการพูดจาค่อนข้างแย่มาก แต่เนื่องจากไม่อยากจะทำลายบรรยากาศจึงไม่ขอวีน ออกมานั่งด้านนอนก็ได้ เจ็บใจตรงที่พนักงานก็คนไทยด้วยกัน ควรมีจิตบริการที่ดีมากกว่านี้


อาหารไทย รสชาติพอได้ ต้มยำเป็นการนำผงมาม่ามาใส่ ทานแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ใช้ฝีมือเลย แต่ก็อย่างว่า อยู่เมืองนอกเครื่องปรุงไม่ครบก็ต้องใช้ตัวช่วยบ้าง ทอดมันเนื้อแน่นอร่อยดี หลังจากทานอิ่มแล้วก็ขับรถไปต่อจนถึงที่พัก เก็บของอาบน้ำแล้วก็นอน

16 เมษายน 2015
ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับบรรยากาศใหม่ เป็นบ้านตากอากาศอยู่ติดอยู่กับทะเลสาป Conjola อากาศค่อนข้างเย็น วันนี้เป็นวันพักผ่อนอิสระไม่ได้มีทริปเที่ยวอะไรมาก ทานอาหารเช้าตามแบบคนไทยคือ มาม่าเกาหลี แถมมีขนมปัง โคลสลอว์ doritos เลือกทานกันอย่างอิสระ



ความตั้งใจแรกคือจะเดินไปดูทะเลสาป แต่เนื่องจากฝนตก จะลุยไปก็หนาว ก็นั่งพักเล่นอยู่ที่นี่ก่อน จากนั้นขับรถไปดูที่ทะเลสาอีกจุดหนึ่ง ซึ่งจะมีการตั้ง Camp เหมือนลูกเสือ(ตามความเข้าใจของผมนะ) ซึ่งมีจิ้งโจ้เต็มไปหมดเลยสามารถถ่ายรูปได้


ถือว่า mission complete มาถึงออสเตเลียแล้ว ตอนหลังพึ่งรู้ว่าสัตว์ชนิดนี้คล้ายจิงโจ้ แต่ไม่ใช่เรืยกว่า wallaby แต่ก็ถือว่าประทับใจ เพราะไม่เคยได้ถ่ายรูปใกล้กับสัตว์ประเภทนี้มาก่อน ช่วงที่น้อง Wallaby เข้ามาใกล้แล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก กลัวโดนถีบ เพราะรู้ว่าสัตว์ประเภทนี้กำลังขาดีมาก หลังจากถ่ายรูปแล้วก็เดินไปชมทะเลสาป


ระหว่างที่คนอื่นเดินล่วงหน้าไปขอ Selfie หน่อย อากาศดีๆ ลมทะเลสาปเย็น ฝนโปรยปราย แม้จะยากลำบากแต่ได้สัมผัสถึงความสวยงามก็คุ้มค่าที่มาแห่งนี้

จากนั้นเวลาประมาณ 9 โมงกว่า ก็ออกเดินทางเข้าตัวเมือง Milton เผื่อไปเที่ยว ได้แวะร้านขนมปังชื่อดัง
The Heritage Bakery ภายนอกร้านดูเงียบสงบมาก ฝนตกอาจทำให้คนออกจากบ้านน้อย เมื่อเข้าไปในร้านก็พบกับขนมปังหลากหลายมากมาย แม้จะเป็นวันศุกร์ที่ผู้คนก็ค่อนข้างมาก ช่วงที่นั่งอยู่ในร้านรู้สึกว่า Slowlife มาก ไม่ต้องเร่งรีบดังคนเมือง ผมเลือกขนมปังแทบจะไม่ถูกเลย เห็นอะไรก็อยากทาน อยากลองทุกอย่าง

ภายในร้านตกแต่งแนวไมั้ทั้งหมด นั่งแล้วผ่อนคลาย สบายตา มีกาแฟสดให้สามารถสั่งทานได้ ดูจากร้านแล้วค่อนข้างเก่า แต่ลูกค้าเพียบนะครับ



ด้วยความที่ไม่ได้เป็นคนชอบทาน Bakery ขนมปังบางอย่างเรียกไม่ถูก เลือกจากรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งบางชิ้นจะมีการอุ่นร้อนให้ก่อนทาน อร่อยมาก หลังจากทานเสร็จแล้วก็เข้าสู่ใจกลางเมืองเพื่อเดินเที่ยวเล่น ความแตกต่างของเมือง Milton กับเมืองไทย นั้น เมือง Milton จะไม่มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ จะมีแต่ย่านชุมชนกลางเมือง ซึ่งจะมีร้าน super market และร้านเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า เล็กประจำถิ่นเวลาเดินแล้วรู้สึกสัมผัสได้ถึงความเป็นคนท้องถิ่นมาก แต่ราคาก็ค่อนข้างสูงกว่าประเทศไทย ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงก็ไม่ได้อะไรเลยนอกจากขนมจากร้าน Supermarket

จากนั้นก็ถึงเวลาเที่ยงต้องทานอาหารต่อที่ร้าน Original Milton Annable's Cafe


ครั้งแรกที่เห็นสิ่งที่นึกได้คือหนังสยองขวัญตุ๊กตาผี ซึ่งไม่แน่ใจว่าร้านนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร สาเหตุที่เลือกร้านนี้เพราะร้านอื่นเต็ม เจ้าของร้านคงจะน้อยใจหากได้รู้เหตุผลถึงการเข้าร้านในครั้งนี้


บรรยากาศในร้านดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ เมื่อสั่งอาหารแล้ว กลับพบว่าอาหารนั้นทำออกมาดูดี น่าทานและอร่อยมาก ผมทาน Wrap หรือแซนวิชที่ทำจากแผ่นแป้งบางๆ รสชาติอร่อยตามความคาดหวัง ส่วนแฮมเบอร์เกอร์ของคุณพ่อก็ดูน่าทาน ความพิเศษคือขนมปังประกบนั้นได้ผ่านกระบวนการทำให้ร้อนทำให้รสชาติอร่อยขึ้น

หลังจากทานข้าวแล้วก็เดินทางกลับที่พัก พักผ่อนตามสบาย ฝนไม่หยุดตก นอนพักสักพัก จึงลุยฝนเพื่อไปดูทะเลสาปที่ติดกับบ้านพัก ระยะทางแม้จะใกล้ ลมเย็นๆ เนินชันทำให้เดินค่อนข้างลำบาก เดินสักพัก็ได้สัมผัสถึงวิวอันสวยงาม


สวยงามจริง คุ้มค่าที่ได้มา ผมเดินชมสักพักก็กลับที่พัก จนถึงตอนเย็นก็ออกเดินทางไปทานอาหารจีนมื้อเย็นที่ร้าน Ulladulla Chinese Restaurant


ภายในร้านดู Hi so มีชาติตระกูลมาก ถ้าจะมาต้องจองล่วงหน้า รสชาติอาหารอร่อยตามแบบจีน มีชาประเภทต่างๆให้ดื่มด้วย แม้ราคาค่อนข้างสูง แต่การบริการ และคุณภาพอาหารคือว่าคุ้มค่ามาก

จากนั้นจึงเดินทางกลับที่พัก



face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)