Jim Thomson learning Camp

หากได้ยินคำว่า Jim Thomson สมัยก่อนผมมักจะนึกถึงผ้าไหมตลอด เพราะได้ยินคุณแม่เล่าให้ฟังว่า เจ้าของเป็นฝรั่งที่สนใจเรื่องผ้าไหมและขายผ้าไหมที่สวยงามมากมาย แต่แล้วอยู่ๆ เจ้าของก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่คือประวัติที่แม่ผมเล่าให้ฟัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถูกต้องรึเปล่าครับ

แต่แล้ววันนึงพี่สาวผมก็ชวนที่บ้านไปที่ Jim Thomson Farm ซึ่งตอนแรกก็จินตนาการไว้ว่าคงต้องเป็นอะไรที่ดูหรูหรา Hi-So แน่ๆ 

วันที่ 25 มกราคม 2557
ออกเดินทางไปวังน้ำเขียว ครับ ขับรถจากกทม ประมาณ สามชั่วโมง กว่าๆ 

เมื่อไปถึงสิ่งแรกที่เห็นคือ ที่นี่มีต้นไม้สูงเหมือนกับในหนังเกาหลี ซึ่งมาช่วงที่กำลังหนาวด้วยเลยทำให้บรรยากาศนั้นนึกถึงตอนไปเกาหลีเลยครับ สิ่งแรกที่เห็นก็คือเต้นท์ครับ ซึ่งคุณแม่เห็นแล้วถึงกับอึ้งเล็กน้อย เพราะมองว่าลำบากแน่ๆ ผมรู้สึกว่าผมกลับไปเป็นเด็กมัธยมอีกครั้ง มาเข้าค่ายอีกครั้ง
ครั้งนี้พาหลานมาเที่ยวทำกิจกรรมสนุกๆ ด้วยครับ ซึ่งที่นี้เค้าเรียกกันว่า Jim Thomson Learning Camp ครับ ของต้อนรับชิ้นแรกคือ น้ำฟักทองและซาลาเปา ซึ่งตอนนั้นก็หิวแล้วก็รีบทานก่อนเลยครับ

จากนั้นก็รอให้ผู้ปกครองท่านอื่นๆ มาจนครบแล้วก็เริ่มพาเด็กๆ หลานๆไปทำกิจกรรมกัน
ที่นี้จะมีลานกว้างๆใหญ่ๆ พื้นเป็นมัน แต่ฝุ่นเยอะไปหน่อยอาจจะมาน้อยเลยไม่ได้ทำความสะอาดมากครับ  เมื่อไปถึงเด็กๆ ก็วิ่งเล่นกันไม่หยุดเลย ส่วนผู้ใหญ่ก็รอเจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์มาแจกครับ ซึ่งกิจกรรมแรกที่จะได้ทำคือไอศรีมหวานเย็น ที่ทำจากน้ำอัดลม
หลักการผมเชื่อว่าเราคงจะรู้คือน้ำแข็งกับเกลือผสมกันแล้วราดน้ำเพื่อให้เกลือละลายเพื่อลดความเย็นลงไปอีก จากนั้นก็นำแท่งเหล็กใส่น้ำอัดลมรสชาติที่เราโปรดปรานแล้วก็แกว่งกันจนกว่าจะได้ไอศรีมหวานเย็น แล้วหลานผมก็ฉกไปกินหมดเลย ไม่เหลือให้คนทำเลย

ทำกินเล่นซักพักจนทุกกลุ่มกินกันจนหมด ก็เริ่มอีกกิจกรรมนึง คือการทำสบู่ ซึ่งพึ่งรู้ว่าหลักการทำง่ายมากเลยครับ
แต่ความพิเศษของสบู่ครั้งนี้คือการใช้รังไหมมาทำด้วย คือการต้มกลีเซอรีนจนสุกแล้ว ผสมน้ำผึ้งและกาวใยไหม จากนั้นนำรังไหมจุ่มลงในสบู่เพื่อให้สบู่เคลือบกับรังไหม แล้วรอให้แห้งจากนั้นก็ห่อพลาสติกเมื่อจะใช้งานก็ใช้นิ้วสอดเข้าไปตรงรังไหมแล้วเอาสบู่มาถูกหน้า เรียกได้ว่าสะดวกใช้จริงๆ

จากนั้นผมก็เผลอหลับไป เพราะว่าเหนื่อยครับ ตื่นขึ้นมาก็เห็นเด็กๆวิ่งเล่น แล้วก็มีมาอวดกระเป๋ากัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มีกิจกรรมเพ้นท์กระเป๋าๆ น่ารักๆ Jim Thomson ครับ ซึ่งทำได้ง่ายมากๆ
เมื่อปาดสีเสร็จแล้วก็นำไปเป่าให้แห้ง ก็จะได้กระเป๋าเก๋ๆ ดูดีมีราคาขึ้นมาทันทีครับ

จากนั้นก็ไปกันอีกจุดซึ่งก็ใกล้เวลาทานข้าวแล้ว ตอนนั้น เวลาประมาณ 5 โมงเย็น เจ้าหน้าที่บอกว่าไปทำอาหารกัน โดยเมนูแรกก็คือ ไก่อบฟางครับ ซึ่งก็งงว่าอบยังไง เพราะว่าเค้าพามาที่โล่งแจ้ง
อุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้คือ ไก่สด จาน ขวดแก้วใส่น้ำ ปีบ และฟางครับ เริ่มต้นวิธีการทำคือ นำไก่ดิบที่หมักแล้วมาจิ้มๆให้เป็นรู จากนั้น นำไปเสียบขวดที่มีน้ำ แล้วนำปีบครอบลงไป จากนั้นนำฟางวางไว้รอบๆ แล้วก็เริ่มเผา โดยจะต้องค่อยๆ นำฟางใส่เข้าไปเพื่อไม่ให้ไฟดับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นก็รออีก 15 นาทีแล้วค่อยมาเปิดปีบครับ

ระหว่างเวลาที่เหลืออีกสิบหน้านาทีก็ไปทำกับข้าวอย่างอื่นต่อ ซึ่งก็มี ผัดหมี่โคราช  ส้มตำ ไข่เจียว
ในการทำครั้งนี้ทำให้ผมเห็นว่า อาหารหลายๆอย่างแม้จะมีเครื่องปรุงมาเหมือนกัน แต่วิธีการทำกลับแตกต่างกันครับ ซึ่งที่นี่เค้าก็จัดค่อนข้างดี คือครอบครัวละชุด บางบ้านมากันแค่สามคนกินกันจนอิ่มมากๆ ครับ ส่วนที่บ้านผมก็ตั้งใจทำอาหาร โดยมีผมเป็นคนคอยบงการ(แม้จะทำอาหารไม่ค่อยเป็นก็ตาม) เมื่อทำอาหารไปสักพัก เวลาก็ผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว ผมกับแม่กลับไปเอาไก่อบฟางครับ

ระหว่างการเดินไปเปิดไก่อบฟางก็คิดว่าคงจะกินไม่ได้แน่ๆ เพราะว่าตอนทำไม่สามารถเห็นไก่ด้านในเลย ซึ่งเห็นกลุ่มครอบครัวอื่นๆ บางตัวก็ไหม้บ้าง ก็ทำให้เกิดความคิดที่ว่ากินอย่างอื่นก็ได้นะ แต่พอเปิดออกมาครับ

เจ้าหน้าที่บอกว่า นี้ไกสวยนะ สุกแล้วก็ดูดีด้วย ผมก็หน้าบานขึ้นมาเลย กลับมาที่โต๊ะ พร้อมโชว์กลุ่มอื่นแล้วก็จัดแจงกินกันโดยไม่ต้องสับเลย ไม่ได้กินทั้งตัวนะ ใช้มือฉีกเอาได้อารมณ์แบบบ้านๆดีครับ อยากกินตรงไหนฉีกเอาเลย
สภาพอาหารก่อนลงมือกินได้ สุขที่ได้ทำ สุขที่ได้กิน และอิ่มอร่อยกับครอบครัวครับ จากนั้นก็ไปล้างจานกันเอง ซึ่งทุกครอบครัว ก็น่ารักไปช่วยกันล้างกันท่ามกลางอากาศหนาว พอตอนเช้าเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องล้าง เพราะเจ้าหน้าที่เค้าจะมาล้างให้ครับ

หลังจากเสร็จภาระกิจกินอาหารเย็นแล้ว ต่อไปก็ต้องไปอาบน้ำครับ ซึ่งก็ทำใจไม่ค่อยได้เพราะว่าหนาวครับ แต่ก็รวบรวมความกล้าไปอาบ ซึ่งที่นี่เครื่องทำน้ำอุ่นดีมากๆ ครับ อุ่นมากๆ ไม่หนาวเลย จากนั้นก็แปรงฟัน แล้วก็หลับสบายเลยครับ


บรรยากาศภายในเต้นท์นอนครับ ไม่แคบเลยนะครับ


วันที่ 26 มกราคม 2557 ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับความหนาวอากาศบริสุทธิ์มากๆครับ ผมไปเดินเล่นระหว่างรออาหารเช้า ก็รู้สึกประทับใจ แม้จะได้เดินที่มุมเดิมๆแต่ก็สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติที่ยากจะหาได้ในเมืองกรุงเทพครับ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์ให้เราหัดทำอาหารเช้าอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ทำง่ายๆครับ คือ ไข่นกกระทา กับ วาฟเฟิล ซึ่งก็เป็นอะไรที่สร้างความสนุกให้กับผู้ใหญ่และเด็กๆครับ

ส่วนกระบวนการทำคงไม่ต้องอธิบายหลายๆคนคงจะทำกันได้ครับ ส่วนวาฟเฟอร์ที่ออกมาใหม่ๆ ก็อร่อยมากๆครับ   ส่วนอาหารหลักก็คือข้าวต้มหมูครับ
อาจจะดูเผ็ดหน่อยเพราะว่าผมนิยมใสพริกครับ จากนั้นก็ต้องขับรถไปที่สวนจิมทอมสัน เพื่อไปทำกิจกรรมกันต่อครับ หนทางไม่ค่อยไกลมาครับ
เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็แจกตะกร้าให้ครอบครัวละหนึ่งตะกร้าไปเก็บผักกลับบ้านกัน ซึ่งแรกๆก็อากาศเย็นๆ พอเก็บไปเรื่อย เริ่มร้อนแฮะ เห็นใจชาวสวนจริงๆเลย

ส่วนผมแล้วการมาเก็บผักทำให้รู้สึกได้ว่า เราห่างเหินกับธรรมชาติมากๆ แม้เราจะกินพืชผัก แต่เรากลับไม่เคยเห็นต้นมันมาก่อนเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีช่วยกันเก็บก็เหนื่อยเอาการเหมือนกันครับ
ส่วนเด็กๆ ก็สนุกสนานกันครับ มีครอบครัวนึงพี่เลี้ยงมีบ้านเป็นคนต่างจังหวัดที่เคยปลูกผัก พี่เค้าเก็บเก่งมากๆ เราก็ไปให้เค้าสอนด้วยครับ ว่าควรจะเก็บยังไง หลังจากเก็บแล้ว ก็มีกิจกรรมแต่งฟักทองด้วยด้วยครับ ซึ่งก็ให้หลานจอมซนทำตามจินตนาการครับ
ซึ่งระหว่างทำก็มีข้าวโพดคั่ว และเต้าฮวยนมสดให้ทานด้วย ผมกับพี่ๆ ก็นั่งทานกัน ปล่อยให้หลานแต่งฟักทองไปก่อนครับ หลายๆ ครอบครัวทำค่อนข้างสวย เพราะว่าพ่อแม่ช่วยบ้าง แต่ครอบครัวผมปล่อยให้หลานทำเอง แล้่วก็ไปเดินดูสินค้าของที่ Jim Thomson ครับ
สินค้าที่นี่มีหลากหลาย ไม่ว่าจะผลไม้สด ผัก ผลไม้แปรรูป ครับ หากแม้บ้านมาก็คงจะได้ซื้อจับจ่ายกันอย่างสนุกสนานครับ จากนั้นก็มีสถานที่ที่ไปที่สุดท้าย คือ หมู่บ้านอีสานครับ
ที่นี่สวยและงดงามมากๆ ครับ ทำให้ผมคิดถึงปลาบู่ทองเลย เกี่ยวไหม คืออากาศเย็นๆ บ้านไม้ทรงไทย หากคนชอบถ่ายรูป ก็จะได้วิวแบบบ้านโบราณครับ แต่พอเดินขึ้นไปบนเรือนไม้ เค้าไม่ค่อยได้จัดอะไรเลยครับ เป็นบ้านโล่งๆครับ


หากได้ไปที่นี่อย่าลืมไปที่หอกลางน้ำด้วยนะครับ สวยไม่แพ้ ชาติอื่นๆ เลยครับ เห็นแล้วประทับใจจริงๆ อยากลองไปอยู่ดูครับ ผมเหลือบไปเป็นที่พักด้วย คาดว่าที่นี้สามารถพานักเรียนมาพักค้างแรมได้ด้วย


จากนั้นก็ทานก๋วยเตี๋ยวทำเองมื้อสุดท้ายแล้วก็กลับบ้านครับ

การเที่ยวครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่กิจกรรมแบบง่ายๆ แต่สร้างความประทับใจจริงๆครับ แม้จะเหนื่อยแต่ก็สนุกครับหากใครอยากลองไปพักที่นี้มีกิจกรรมกับบ้านกัน ก็ลองสอบถามกับทาง Jim Thomson ได้เลยนะครับ ส่วน link ของ website Jimthomson ลองกดเข้าดูครับ

http://www.jimthompson.com/index.asp


บทความนี้ขอจบเท่านี้ครับ
สวัสดีทุกท่าน

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)