Lipe Island trip (Part 2/2) - เที่ยวหลีเป๊ะ หน้ามรสุม

Part 1/2 <<  สนใจกลับไปดูสองวันแรกว่าทำอะไรบ้างที่หลีเป๊ะ 

วันที่ 29 มิถุนายน 2013
หาดทรายดูด-น้ำตกโจรสลัด-ชมวิวหาชะโด-เต็มอิ่มกับอาหารทะเล
บทความนี้เริ่มต้นก็เป็นรูปอาหารเลย นี่เป็นอาหารที่ทางที่พัก Lipe Power beach resort จัดไว้ให้พวกเรา เนื่องจากมีพักกันแค่สามห้อง เลยจัดอาหารแบบนี้ให้ ซึ่งต้องบอกว่าพนักงานที่นี้ก็ยังน่ารักเป็นกันเองด้วย แม้จะคนพักน้อยแต่พวกเค้าก็ดูแลกันเต็มที่เลย หลังจากที่เมื่อวานไปดำน้ำรอบในแล้ว วันนี้ก็เลยไม่มีโปรแกรมเลย เพราะว่า รอบนอกนั้นดำได้เฉพาะช่วง High season ดังนั้นช่วงมรสุมก็เลยอด แต่ยังมีอีกจุดนึงที่เค้าแนะนำให้ไปก็คือ ไปน้ำตก และจุดชมวิว ว่าแล้วก็ไม่รอช้า หาทางไป ตอนแรกนึกว่าจะจ้างเรือ Taxi ไปเอง เพื่อจะได้ไม่ต้องเหมา แต่สุดท้ายคุยกับพี่แจ๊คกี้(ผู้จัดการที่พัก) เค้าก็แนะนำให้เหมาเรือดีกว่า ซึ่งก็ตามเค้าเลย ค่าเหมาเรือ 1500 + อาหาร อุปกรณ์ดำน้ำ 1000 บาท (5 คน)
ออกเรือครั้งนี้มีสมาชิกเพิ่ม คือพี่แจ๊คกี้ ซึ่งพี่เค้าทำงานที่นี่มานานแต่ยังไม่เคยไปดำน้ำกับไปน้ำตกเลย และยังมีอีกสองคน ก็คือพนักงานที่พัก ในรูปด้านล่างขวามือ แม้คนจะเยอะ แต่เรือที่มารับก็ลำใหญ่ นั่งสบาย สนุกสนาน พี่ๆ บริการน่ารัก ช่วยถ่ายรูปให้พวกเราด้วย

ระหว่างนั่่งรถเรียบเกาะอาดังก็เห็นเกาะที่นีมีความสวยงามแต่ไม่มีบ้านพักใดๆ เพราะเหมือนจะเป็นอุทยาน เรือมาจอดบริเวณน้ำตกโจรสลัด ซึ่งด้านหน้านจะมีหินขนาดใหญ่เรียกว่าหินดอกบัว ซึ่งผมก็เดาชื่อถูกด้วย มองเห็นน้ำตกไหมครับ ลองเลื่อนขึ้นไปทางด้าน ซ้ายมือซิครับ พี่พนักงานคนนึงอาสาลงไปก่อน เพื่อไปถางหญ้าเพื่อให้พวกเราได้ปีนน้ำตกได้ง่ายขึ้น

หลังจากส่งพี่พนักงานแล้ว เรือก็พาพวกเราไปต่ออีกที่นึง ที่เรียกว่าหาดทรายดูด
ระหว่างทางไปก็เห็นถึงน้ำที่ใสมากๆ ลมทะเลเย็นๆ ภูเขาหลากสี ดูรูปซิครับ แบบว่าเหมือนอยู่บนสวรรค์เลยล่ะ ธรรมชาตินี้อัศจรรย์ มาก
เมื่อลงมาถึงหาดทรายดูดแล้ว ก็แสบตามาก พื้นทรายเนียน สว่าง มากๆครับ สาเหตุที่เรียกว่าหาดทรายดูด ก็เพราะว่าเดินไปที่ทรายแล้ว ด้วยความที่ทรายร่วนมาก รอยเท้าเลยจมลงไปทันทีเราเหยียบย่ำ ใครที่มวลเยอะหน่อยก็จะเห็นได้ชัด ดูจากภาพด้านบนขวามือครับ เราอยู่ที่นี่กันสักพัก ก็เริ่มเล่นทรายกัน เขียนชื่อกัน บ้างอะไรบ้าง จากนั้นก็ขึ้นเรือครับ

จากจุดนี้ก็ไปดำน้ำอีกจุดนึงแต่ไม่มีรูปมาให้ดู เพราะมัวโดดลงน้ำกันหมดเลยครับ

เมื่อดำน้ำจนจุใจแล้วก็ขึ้นเรือเพื่อไปน้ำตกกันเลย
จำได้ไหมหินดอกบัวครับ ถ้าจำไม่ได้เลื่อนขึ้นไปดูด้านบนได้ครับ เมื่อตัวเปียกน้ำทะเลแล้วก็มาต่อกันที่น้ำจืด ซึ่ง พวกเราก็ต่างเอาอุปกรณ์มีค่าลงมาหมดเลย ลำบากเพื่อนผมเลยครับ แบกพวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคเต็มกระเป๋า แถมต้องแบบปีนป่ายอีก
ในการไปชมน้ำตกนี้ไม่ได้เป็นอะไรที่ง่ายๆ เลย เพราะต้องปีนกัน ต้องสวมบท ลาล่าใน Tomb raider ปีนกัน ใช้ทั้งขา ทั้งมือ ช่วยกันปีน ซึ่งชั้นแรกนั้น ผมก็ลื่นตกไปละรอบนึง เมื่อขึ้นไปถึงชั้นแรก เพื่อนผมกับพี่อีกคนนึง ก็ขอนั่งพักตรงนี้ เพราะทางเดินไปต่อนั้น โหดขึ้นเรื่อยๆ
พี่แจ๊คกี้ กับพนักงานสองก็ปีนขึ้นไป ผมกับพี่อีกสองคนก็ขึ้นไปด้วย ซึ่งตอนปีนก็ไม่อยากคิดถึงตอนลงเลย เพราะว่ามันสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไปถึงก็พบกับน้ำตกก็รู้สึกถึงความอัศจรรย์มากๆ ครับคุ้มกับการที่ได้ปีนขึ้นมา นอกจากวิวจากน้ำตกแล้ว มองออกไปยังเห็นเป็นทะเลอันดามันด้วย
จากรูปครับ ก็จะเห็นทะเลแจ่มๆ ด้านบนขวา ส่วนตอนทางลง ก็ต้องนั่ง แล้วค่อยๆลง และบางตำแหน่งแทบจะไม่มีที่จับยึด ผมต้องถ่ายเทน้ำหนักด้วยการนอนราบ คนหัวเราะกันใหญ่เลย ถ้าหลุดนี้ไหลลงไปไกลเลยครับ
เมื่อเราลงมาถึงด้านล่างแล้ว ก็ทานข้าวบริเวณนี้ อาหารมื้อนี้เป็นข้าวกระเพาหมู รสชาติจัดจ้านมากๆ และยังมีแตงโมที่พวกเราซื้อมาด้วย สดชื่นกันสุดๆ
กินแตงโมกันตรงหาดเลยครับ ใช้เวลากินกันเสร็จแล้ว ก็นึกว่าจะพักตรงนี้ แต่ทางพี่แจ๊คกี้ก็ให้เราขึ้นเรือต่อเลย
กลับมาอีกมุมของเกาะอาดัง เพื่อขึ้นไปจุดชมวิวที่ผาชะโด ซึ่งมองบางมุมก็เหมือนเกาะนามิเลย (จินตนาการนะ เพราะยังไม่เคยไป) เกาะที่นี้ดูสงบมาก เพราะวันที่ผมไปไม่มีใครมาเลย มีต้นสนมากมาย และยังมีดงผักบุ้งทะเลด้วย
อาจจะดูแปลกว่ามาเที่ยวทะเล แล้วทำไมมาปีนเขา ถ้าหากมาช่วงที่ไม่ใช่ช่วงมรสุมก็จะได้ไปดำน้ำดุปะการังรอบนอก แต่ถ้าช่วงมรสุมก็มาขึ้นเขาแทน ซึ่งเดินๆ ก็เจอน้องหมาตัวนึง นำทางให้พวกเราด้วยนะ เก่งสุดๆ
ไม่รู้ว่าตัวนี้ชื่ออะไร เพราะถามมันก็ไม่ตอบ แต่ต้องบอกว่ามันเก่งมากๆ ขึ้นเร็วจริงๆ ครับ มันเดินเหนื่อยจนพี่คนนึงต้องเอามือรองน้ำ ให้มันกินเลยครับ ระหว่างทางที่เดินขึ้นเรื่อยๆ ก็ค่อยๆเห็นวิว สวยขึ้นเรื่อยๆ
ถึงจุดชมวิวจุดแรกแล้ว ซึ่งมองไปข้างหน้าก็จะเห็นทะเล และเกาะหลีเป๊ะ ลมเย็นๆ วิวสวยๆ แม้แดดจะร้อนแต่ทุกคนก็ Happy กันสุดๆ เลย โชคดีที่พนักงานที่ Lipe Power beach resort ขึ้นมาด้วย เลย ฝากกล้องให้เค้าช่วยถ่ายรูปให้
ซึ่งนี่ก็ติดผู้จัดการที่พักมาด้วยครับ สนุกมากๆ ทั้งเหนื่อย ทั้งเมื่อย ครบทุกรสชาติเลย
ขอเดี่ยวอีกมุมนึง จะเห็นเกาะหลีเป๊ะ เต็มๆเลยครับ อยู่ที่นี่จนไม่อยากลง แต่เค้าก็ถามว่าจะขึ้นไปจุดที่สองมั้ย ซึ่งทุกคนก็ต่างมีความเห็นว่า พอแล้วดีกว่า เพราะด้วยสังขารน้อย เหลือน้อย
หลังจากที่ดื่นดำกับธรรมชาติแล้วก็ เดินทางลงจากผาชะโด ขาเดินลงต้องเบรกกันเลยทีเดียว เพราะชันเหมือนกัน แต่ยังน้อยกว่าน้ำตกที่ไปปีกันมา
ลงจากผาแล้วก็ไปดำน้ำกันต่อ แต่ครั้งนี้ใกล้ที่พักมากๆ ครับ ไปดูปะการังเขากวาง ตรงบริเวณหน้าโรงเรียน เรือปล่อยเราเล่น แล้วก็ให้ว่ายเข้าฝั่งเอง เรียกว่าดำน้ำ ว่ายน้ำ จนเหนื่อยเลยนะ แต่ก็สนุกดีครับ

จากนั้นกลับมาที่พักแล้ว ก็ยังไปดำน้ำเล่นอีกรอบ แถวๆ ที่พัก เมื่อดำนเสร็จแล้ว ก็ขึ้นฝั่ง ระหว่างรอเพื่อนผมอาบน้ำ ผมกับพี่คนนึงก็เดินจากที่พักไปดู mountain resort อยากรู้ว่าสวยไปไหมเพราะตอนแรก็จะจองที่นี่ ซึ่งไปดู ก็สวยนะ แต่ต้องเดินขึ้นสูงเหมือนกัน พอกำลังจะกลับก็เลยแวะดูพระอาทิตย์ตก ซึ่งสวยมากครับ แต่เสียอย่างเดียว เมฆบังพระอาทิตย์ซะงั้น เลยดูทะเล บนโขดหินแทน

เมื่อเดินกลับมาที่พัก เพื่อนผมหลับไปแล้ว เรียกว่าใช้เวลาไปเดินเกือบสองชั่วโมง หลังจากอาบน้ำครบทุกคนแล้วต่อไปก็คือ การกินอาหารครับ ซึ่งมื้อนี้ request อาหารทะเลเพราะที่มาแทบจะไม่ได้กินเลย
แม้ทางเดินจะเปลี่ยว ก็ต้องเดิน แต่แม่ครัวบอกว่าที่นี่ปลอดภัยนะ เดินไปถึง Walking street เลี้ยวซ้าย ก็พบกับร้านอาหารทะเล เดินไปเรื่อยๆ ก็ต้องเดินกลับมาเพราะมีแค่ร้านเดียวที่เปิดว่าแล้วก็จัดการสั่งอาหารทันทีเลย
ดูอาหารซิครับ ปลามง ปลาหมึก ผัดมะม่วงหิมพานต์  ไข่ดาว กินกันจนอิ่มสุดๆ เลย ส่วนรสชาติก็อร่อยดี รสชาติน้ำจิ้มซีฟู๊ด แซ่บมากๆ กินไม่เหลือเลย

กินเสร็จแล้วก็เดินกลับทางเดิม ถึงที่พักแล้วก็นอนหลับปุ๋ยเลย

30 มิถุนายน 2013
กลับหาดใหญ่-ตลาดกิมหยง-ชมวิวหาดใหญ่-ขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ
และแล้ว วันสุดท้ายของการเที่ยวก็มาถึงเร็วเสมอครับ ตื่นเช้าขึ้นมาเศร้าใจเล็กน้อยแต่มันก็คือความจริงแพ็คของไว้เตรียมกลับขึ้นฝั่งครับ แต่ก็ยังมีอาหารอีกมื้อบนเกาะหลีเป๊ะ
และกิจกรรมอีกอย่างนึงที่มีคุณค่าคือ มีพระมาบิณฑบาตด้วย ซึ่งผมก็ทำบุญไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่มาเก็บภาพของพี่ในวันนี้ จากนั้น ก็ทานอาหารเช้ากัน ซึ่งทางที่พักก็เห็นว่าเมื่อวานอาหารเช้าแบบอเมริกันพวกขนมปัง เหลือเยอะก็เลยเปลี่ยนเป็นแบบมีข้าว มีน้ำซุป มีไก่ทอด พี่เค้าใส่ใจรายละเอียดจริง ชื่นชมมากๆครับ

จากนั้นก็เก็บกระเป๋าขึ้นเรือ ลาพี่ๆ ที่ช่วยดูแลกันที่ Lipe power beach resort แล้วก็มุ่งหน้าไปโป๊ะ เพื่อต่อเรือ Hi Speed
ตอนขามาถึงเกือบเป็นกลุ่มสุดท้าย ครั้งนี้ไปถึงกลุ่มแรกเลย แต่ก็เลือกนั่งหน้า ไม่กลัวเมาเลย เพราะมันดูกว้างกว่า

ครั้งนี้โชคดี น้ำนิ่ง เพราะว่าคลื่นไม่แรง หรือวิ่งตามคลื่นก็ไม่รู้ครับ ไม่เมาเลย
พอถึงท่าเรือปากบาราก็ขึ้นรถตู้ไปตลาดกิมหยงที่หาดใหญ่ ซึ่งเค้าก็ปล่อยลงตรงร้านอาหารจีนชื่อ "อ้า"
เป็นร้านอาหารจีนครับ กินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ตอนแรกนึกว่าจะไม่หมด แต่กรุ๊ปนี้สายแข็งครับ

จากนั้นโชคดีอีกชั้นเพื่อนผมรู้จักคนในเกม อยู่หาดใหญ่ เค้าเลยอาสามาพาไปเที่ยว ก็เดินตลาดกิมหยงสัก 20 นาทีก็รู้สึกว่า มันก็เหมือนเยาวราชที่ผมเคยเดิน อารมณ์คล้ายๆ กัน จากนั้นเพื่อนของเพื่อนก็พาไปชมวิวหาดใหญ่ นั่งรถขึ้นเขาไปครับ
สำหรับองค์พระแทบจะไม่ได้สนใจชื่อเลย แต่ก็เคารพกราบไหว้ เพราะเพลียมากสำหรับการเดินทาง ไม่ว่าจะเรือ รถ เจอแดดอีก ก็เลยเดินชมดูรอบ จากนั้นเค้าก็พาไปส่งที่สนามบิน แล้วก็ขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพครับ วันนี้เป็นอะไรที่เหนื่อยเพราะเดินทาง ทุกเส้นทางเลย ไม่ว่าจะ เรือ รถตู้ เครืองบิน รถเมล์ รถไฟฟ้า รถ Taxi เรียกว่าแทบจะครบทุกอย่าง

โดยรวมแล้วประทับทริปนี้มากครับ ขอบคุณท้องฟ้า ที่เป็นใจ พี่ๆ เพื่อน พนักงานที่พัก คนเรือ และที่สำคัญหัวหน้าผมที่ให้ลาพักร้อนครับ

ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตกคนละ 8,500 บาทครับ นี่รวมตั๋วเครื่องบินแล้วนะ เที่ยวกินอะไรแบบเต็มที่เลย ซึ่งดูไว้ถูกว่าที่ไปช่วง High season ประมาณ 4,000 บาทครับ

Trick ไปหลีเป๊ะ คิดเองนะ
1. ไปเที่ยวแล้วไปแบบ สี่วันสามคืน นะ อย่าไปสามวัน จะเสียดายมากๆ เพราะเดินทางก็สองวันแล้ว
2. ถ้าไปหน้ามรสุม ที่พักราคาจะถูกมาก บางที่ลด 70 % เลยครับ
3. ถ้าไป กลุ่มใหญ่หน่อย ไม่ต้องจอง Package ครับ ไปแล้วค่อยจ่ายเป็นอย่างๆ จะประหยัดกว่า
4. หลีเป๊ะเที่ยวได้ตลอดปี แต่มรสุม ก็ต้องเสี่ยงเหมือนกันครับ เพราะมันควบคุมยาก
5. การเดินทางถ้านั่งเครื่องบินก็จะดีหน่อย แต่ถ้าหากว่านั่งรถ ก็ยาวเลยล่ะนั้นข้ามวันเลยก็ว่าได้

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ รอทริปต่อไปนะ สวัสดี

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)