Resistance เมื่อยาปฏิชีวนะไร้ความหมาย

ผมเคยได้ยินพี่สาวที่เป็นเภสัชพูดว่ายาปฏิชีวนะปัจจุบันที่ใช้รักษาในปัจจุบันนั้น ไม่สามารถใช้ได้แล้วเนื่องจากเชื้อโรคนั้นดื้อยาแล้ว และก็ไม่มีบริษัทใดในโลกนี้คิดค้นต่อเพราะคิดค้นไปเดี่ยวเชื้อก็ดื้อยาอีก

ผมฟังแล้วรู้สึกเฉยๆกับคำพูดนั้นเพราะคิดว่าแค่อย่างเดียว คือเราจะกินยาปฏิชีวนะก็ตอนเจ็บคอเท่านั้น คงไม่มีผลอะไรกับตัวผมมาก แต่เมื่อผมได้ดูสารคดีเรื่อง Resistance จาก Netflix จึงทำให้ได้ความรู้หลายๆอย่างว่ายาปฏิชีวนะนั้นมีความสำคัญทางด้านการแพทย์มาก เป็นอย่างไรผมจะขอเล่าให้ฟังเลยละกัน

** เนื่องจากผมไม่ได้เรียนด้านการแพทย์ ดังนั้นหากบทความนี้เขียนผิดพลาดจากที่ข้อมูล คงจะเกิดจากผมเพียงผู้เดียว ต้องขออภัยและช่วยแก้ไขกันครับ **

ในอดีตนั้นการค้นพบยาปฏิชีวนะนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างมาก เพราะเชื้อแบคทีเรียจะโดนยาเหล่านี้กำจัดได้ ซึ่งในสมัยช่วงสงครามเมื่อมีการค้นพบยาก็สามารถช่วยชีวิตทหารได้ จากนั้นยาก็ได้นำมาใช้ต่อเรื่อยๆ

แล้วยาปฏิชีวนะเหล่านั้นสำคัญกับคนกลุ่มไหน

  • คนที่ได้รับการผ่าตัด เพราะช่วงที่ผ่าตัดก็จะต้องให้ยาปฏิชีวนะเพื่อที่จะป้องกันการติดเชื้อ 
  • ชีวิตประวันที่เราหายใจ เกิดมีดบาด อุบัติเหตุ เรามีโอกาสรับเชื้อแบคทีเรียเข้าไปได้ตลอดเวลา จากข้อมูลที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกใกล้ตัวมากจริงๆ
ตัวอย่าง Case ในสารคดี
  • เด็กคนหนึ่งเป็นปอดบวมจากการติดเชื้อ เข้ารักษาตามมาตรฐานของโรงพยาบาล หมอจ่ายยาปฏิชีวนะให้แต่สุดท้ายเด็กคนนี้ได้รับเชื้อที่ดื้อยารักษา แม้แต่หมอเองก็ได้จ่ายยาปฏิชีวนะที่แรงที่สุด แต่ก็ไม่สามารถรักษาได้ ทำให้เชื้อเจริญเติบโตต่อไป จนกระทั่งเด็กคนนั้นเสียชีวิต
  • ผู้ชายนักไตรกีฬา ฝึกอย่างหนักก่อนลงแข่ง เขาและภรรยากำลังลงจากเรือพายแล้วสามีก็หน้ามืด เมื่อนำส่งโรงพยาบาล ก็พบว่ามีอาการอักเสบที่กล้ามเนื้อ และพบเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย สุดท้ายยาปฏิชีวนะก็ไม่สามารถช่วยเหลือ case นี้ได้ โชคดีที่ผู้ชายคนนี้รอดชีวิต แต่ต้องสุญเสียขาทั้งสองขา ไม่สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิต

 เมื่อดูแล้วก็เห็นถึงความสำคัญของยาปฏิชีวนะ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด

สถิติของยาปฏิชีวนะ
ในอดีตนั้นเมื่อคิดค้นยาได้แล้วก็จะสามารถใช้ในการรักษาได้ แต่เมื่อเชื้อดื้อยาก็จะต้องทำการวิจัยหายาตัวใหม่ ซึ่งจากข้อมูลในสารคดี สมัยก่อนเมื่อค้นพบยาแล้วยังคงสามารถใช้ได้นานเป็น 10 ปี เชื้อจึงมีการดื้อยา จากนั้นก็จะมีการคิดค้นยาตัวใหม่ แต่ระยะการดื้นยานั้นกลับเกิดได้อย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ จากที่ 10 กว่าเชื้อจะดื้อยา กลับลดเหลือ 5 ปี 3 ปี จนเหลือเพียง 1 ปี ก็ไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะกับเชื้อได้อีกต่อไป

เมื่อเชื้อดื้อยาแล้วเกิดอะไรขึ้น


  • ในด้านการรักษา หากผู้ป่วยเกิดติดชื้อจากแบคทีเรีย เพราะหากเกิดการติดเชื้อแพทย์ก็จะต้องจ่ายยาปฏิชีวนะและก็ต้องลุ้นขอให้เป็นเชื้อที่ยังไม่ดื้อยา เพราะหากพบเชื้อที่ดื้อยาก็จะไม่มียารักษาอีกต่อไปได้ผู้ป่วยก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพหรือชีวิตมากยิ่งขึ้น
  • การวิจัยยาปฏิชีวนะ ครั้งหนึ่งซึ่งต้องลงทุนถึงหลายสิบล้านเหรียญ แต่เมื่อลงทุนแล้วกลับสามารถใช้งานได้เพียงไม่ถึง 1 ปี จากนั้นก็ต้องวิจัยค้นคว้าใหม่ จุดคุ้มค่าของทุนอยู่ที่ไหน และยาที่วิจัยได้จะทันต่อความเร็วในการดื้อยาหรือไม่ คำตอบคือ ไม่คุ้มค่า ดังนั้นปัจจุบันจึงไม่มีการคิดค้นผลิตยาปฏิชีวนะรุ่นใหม่ บริษัทยามองว่าไปผลิตยาตัวอื่นขายจะเป็นทางออกของบริษัทมากกว่า


ทำไมเชื้อถึงดื้อยาได้อย่างรวดเร็ว
คำถามนี้ผมสงสัยเหมือนกัน ผมเข้าใจว่าเกิดจากคนเราซื้อยามากินเองมากเกินไปรึเปล่า แต่ความจริงแล้วสาเหตุหนึ่งที่เชื้อดื้อยาได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมคือ เรามีการนำยาปฏิชีวนะ มาใช้ในชีวิตประจำวันมากเกินไปจนทำให้เชื้อนั้นมีวิวัฒนการที่รวดเร็ว(ดื้อยา) 
ตัวอย่าง

  • การสร้างผนังที่ยับยั้งแบคทีเรีย 
  • ครีมอาบน้ำกำจัดแบคทีเรีย 
  • สาเหตุหลักอีกอย่างคือการใช้ยาปฏิชีวนะ กับสิ่งมีชีวิตในโรงเลี้ยงสัตว์ เพราะเมื้อสัตว์ได้รับยาปฏิชีวนะจะทำให้สัตว์นั้นมีอายุที่ยืนยาวขึ้น(ผู้เลี้ยงก็เชื่อว่าสัตว์จะโตเร็วมากยิ่งขึ้น)ปัจจุบันการเลี้ยงสัตว์แตกต่างจากเดิม การเลี้ยงในโรงเลี้ยงปิดทำให้เชื้อโรคภายในโรงเลี้ยงนั้นมีปริมาณที่มากขึ้น มูลสัตว์ต่างๆเกลือนเต็มพื้น อยู่ในโรงเลี้ยงปิดไม่มีอากาศถ่ายเท ไม่มีแสงแดด ทำให้เชื้อโรคมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เมื่อผู้เลี้ยงก็มองว่าการใช้ยาปฏิชีวนะนั้นเป็นการ ทำให้สัตว์แข็งแรงมากยิ่งขึ้นทำให้ยิ่งใช้ยาปฏิชีวนะเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งไม่ต้องสงสัยว่า เชื้อเหล่านั้นดื้อยาไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อสัตว์ล้มตาย หรือถูกส่งเข้าโรงเชือดสัตว์เหล่านั้นก็จะอุดมไปด้วยเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยา จากนั้นเนื้อสัตว์เหล่านั้นส่งต่อมายังบนจานที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน จากสถิติพบว่า 1/3 จะมีเชื้อซาโมเนล่า ในเนื้อสัตว์ที่ขายตามห้างสรรพสินค้า  ดังนั้นเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป


จากข้อมูลที่ผมดูจับใจความได้เท่านี่ ผมคงจะไม่สามารถทำอะไรเพื่อเปลี่ยนแปลงได้มาก
เพียงแต่ลดความเสี่ยงโดยการรักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง ลดการรับประทานเนื้อสัตว์ลงครับ

http://info.resistancethefilm.com/

face2cu

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บันทึก รักษาปลากัดท้องมาน ท้องป่อง Dropsy

บันทึกรักษารากฟัน

บันทึกตาปลา(Corns)