Christmas in Vientiane Part 1
หลังจากได้ตั๋วราคาถูกจากกรุงเทพไปยังอุดรธานีโดยมีแผนที่จะกลับไปวังเวียงอีกรอบ ด้วยภาระกิจในด้านการงานของผมก็ดูท่ทางจะไม่สามารถไปได้และพี่ๆในทริปก็มีภาระกิจของตนเอง จึงตัดสินใจที่จะทิ้งตั๋ว แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับมาลงตัวโดยทุกคนเดินทางไปด้วยกัน เพียงแต่ระหว่างทริปแต่ละคนมีจุดหมายที่แตกต่างกันจึงทำให้เกิดทริปการท่องเที่ยวต่างแดนคนเดียวในเมืองเวียงจันทน์
ตลอดทริปนี้สี่วันผมอยู่ที่เวียงจันทน์แค่ที่เดียว ถือว่าเป็นการใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน เพราะเดิมทีเมืองเวียงจันทน์นี้หลายๆนักท่องเที่ยวมองว่าเป็นเมืองทางผ่าน แต่สำหรับผมแล้วจะขอมาเดินชิว ค่อยๆเที่ยว หาร้านอาหารอร่อยกินกันอย่างเจาะลึก inside กัน
23 ธันวาคม 2559
จากกรุงเทพไปยังดอนเมือง ผมเดินทางโดยรถไฟที่ขึ้นชื่อเสียงเรื่องเวลา แต่ด้วยราคาแล้วโดนใจมากครับ ผมตีตั๋ว 0 บาทจากบางซื่อไปดอนเมือง ขึ้นรถแล้วก็นั่งรอประมาณ 20 นาทีรถไฟจึงออกจากสถานี เมื่อถึงดอนเมืองแล้วก็ checkin และเข้า terminal เตรียมบินกัน ช่วงที่ไปดอนเมืองมีการเติมอาคารใหม่ทำสวยดูดีขึ้นมากครับไม่แพ้สนามบินสุวรรณภูมิเลย
เมื่อเดินทางถึงอุดรแล้วผมจองที่พักไว้ที่ประจักตราโฮสเทล ที่พักมีบริการรถตู้มารับ มีความเป็น VIP สุดๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหลังจากจองห้อง แนะนำมากๆสำหรับนักเดินทาง เพราะการเดินทางจากสนามบินไปยังตัวเมืองอุดร ถ้านั่งรถตู้ หรือ taxi ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูงเอาการ(80-100 บาท สำหรับ 3 กิโลเมตร )
จากที่พักสามารถเดินทางไปสถานีขนส่งได้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ระหว่างทางจะมีร้านอาหารมากมายสุดท้ายผมกับเพื่อนๆเลือกเข้าร้านซูโก้ยราเมง ผมเลือกราเมงเส้นชาโคลน้ำซุปมิโซะเข้มข้นหน้าโรงแรม จากนั้นเดินกลับที่พักเพื่อพักผ่อน
24 ธันวาคม 2559
เช้าเวลา 5.30 เสียงดังจากห้องอาหารปลุกผมขึ้น ลุกขึ้นมาดูก็พบว่ามีกลุ่มคนมานั่งทานข้าวประมาณ 20 คน คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มทัวร์แน่ๆ จากนั้นลงไปทานอาหารเช้าตอน 7 โมง อาหารของที่พักมีขนมปัง ข้าวต้ม ผลไม้ ข้าวกับแกงสองอย่าง ให้ตักกันอย่างจุใจมาก
เมื่ออิ่มแล้วผมก็เดินทางไปยังสถานีขนส่งกับพี่อีกคนหนึ่งซึ่งเค้ามีแผนนั่งรถตรงไปยังวังเวียง ส่วนผมไปที่เวียงจันทน์ ผมแยกตัวกับพี่ จองตั๋วรถจากอุดรไปยังกรุงเวียงจันทน์รอบ 9.00 น. การเริ่มเดินทางคนเดียวครั้งแรกของผมจึงได้เริ่มต้นขึ้น ข้างๆผมเป็นผู้หญิงชาวลาวซึ่งเธอรู้สึกเกร็งเมื่อผมมานั่งตอนแรก แต่สักพักเธอก็ฟังเพลงตลอดทาง ส่วนผมหลับๆ ตื่นบ้างในการผ่านเข้าออกด่านหนองคายเพื่อเข้าสู่ประเทศลาว จะต้องลงฝั่งไทยเพื่อแสตมป์ออกจากไทย และเข้าฝั่งลาวก็ต้องแสตมป์ จากนั้นเดินทางเข้าสุ่กรุงเวียงจันทน์ใช้เวลาทั้งหมดประมาณสองชั่วโมงครึ่ง
เมื่อถึงสถานีขนส่งตลาดเช้าแล้ว ก้าวแรกที่เหยียบพื้นดินรู้สึกอิสระสุดๆ เพราะการมาคนเดียวทำให้ต้องตัดสินทุกอย่างด้วยตัวเอง ทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมด มีพี่ๆตุ๊กคอยเรียก แต่เรามีสองเท้าบวกกับความถึกก็เดินเอา ก่อนถึงสี่แยกจะมีห้างข้างทางเดินเข้าไป พบว่าอัตราแลกเปลี่ยนดี(เมื่อเที่ยบกับร้านอื่น) 1 บาท = 231 กีบ จึงแรกไป 1,000 บาท เพราะคาดการณ์ว่าคงจะใช้จ่ายไม่มาก
ตลอดทางเดินมักจะพบชาวต่างชาติเดินกันมากมาย ส่วนคนไทยไม่ค่อยมี เพราะกรุงเวียงจันทน์มักจะเป็นทางผ่านเท่านั้น ผมใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที พร้อมกับดู google map ก็ถึงที่พัก ชื่อที่พัก Avalon B&B
ราคาที่จองมาประมาณ 431 บาท สำหรับสองคืนพร้อมอาหารเช้า (นอนรวมครับ) แต่เมื่อไปชำระเงินพบว่าสามารถจ่ายเป็นเงินกีบได้ ลองทำนวณใหม่ เฮ้ย ถูกกว่าจ่ายเงินบาท รออะไรอีกละครับจ่ายเงินกีบเลย 92,000 กีบ เงินที่แรกมา 1,000 บาท(230,000 กีบ) หายไปอย่างรวดเร็ว รอสักพักก็จะได้กุญแจ สำหรับใครที่ต้องการเที่ยว backpack ที่นี่ผมขอแนะนำเลย ข้อดีห้องพักแห่งนี้
ราคาของจานนี้ 12,000 กีบ ซึ่งถือว่าเป็นมื้อที่ถูกที่สุด รสชาติอาหารจืดกว่าบ้านเรา มีน้ำแกงให้ด้วย ส่วนน้ำเปล่าบริการฟรี มีแก้วพลาสติกให้ใช้ ดูดีมากๆ ผมนั่งกินสักพักก็เห็นกับคนลาวเดินเข้ามากินกัน หยิบไอโฟนหกขึ้นมาใช้ ทำให้รู้ว่าประเทศเพื่อนบ้านเราก็ไม่น้อยหน้าเราเลยนะ หลังจากอิ่มแล้วก็เดินเที่ยวต่อ
ตลอดทางเดินค่อนข้างร้อน เพราะเป็นเส้นทางออกนอกเมือง จุดที่ผมตั้งใจจะไปคืออนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้ม ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันตก สถานที่แห่งนี้แทบจะไม่มีใครมาเลย ย่านนี้จะมีโรงแรมหรูๆจำนวนมาก ผมนั่งพักเหนื่อย จึงเดินทางต่อ แถวๆนั้นมีมีโรงเรียนนักเรียนระดับประถม ผมเห็นรถเข็นขายชานมไข่มุก เค้าให้นักเรียนตักไข่มุกกันเองเลย อิสระมากๆ ส่วนร้านข้างๆเป็นขนมโตเกียว ที่ลาวขนมโตเกียวแปลกทำหนึ่งชิ้นใหญ่ๆแล้วทาครีมสี่ครั้ง ลองสอบถามราคา 5000 กีบ (20 บาท) โอ้ราคาสูงมากเลย กะว่าจะลองกินดูแต่เหลือบไปเห็นครีมดูแล้วน่าจะเป็นพวกครีมสำเร็จรูปเลยไม่ซื้อ จากนั้นเดินไปที่วัดในตัวเมือง
ภายในเมืองเวียงจันทน์มีวัดที่ถูกถนนตัดผ่าน ทำให้แบ่งเป็นสีวัดคือ
วัดแห่งนี้เมื่อเข้าไปด้านในแล้วจะพบกับความสงบจากภายนอกที่มีรถผ่านไปมาเป็นวัดเล็กๆ ดูสวยงาม
ต่อด้วยวัดองตื้อ
ภายในโบสถ์ผมเข้าไปแล้วพบพระกำลังคุยกับชาวต่างชาติด้วยภาษาลาว ซึ่งเกี่ยวกับการทำนายเซียมซีที่ประเทศลาวเวลาเซียมซีจะใช้เป็นการหยิบแทนการเขย่านะครับ ผมได้พูดคุยกับพระท่านเล็กน้อยและก็จากไป
วัดหายโศก เป็นวัดที่มีความเงียบสงบรอบวัดมากที่สุด มีความร่มรื่นมากที่สุด แนะนำให้มาช่วงเช้าโบสถ์จะเปิดให้กราบไหว้พระประธาน
หลังจากชมวัดแล้วผมก็เดินทางมุ่งหน้าไปที่ตลาดเช้าเพื่อดูมีของขายอะไรบ้าง ก็พบว่ามีแค่เสื้อผ้า กับทอง คนลาวซื้อทองเยอะมาก แปลกจัง ส่วนด้านข้างๆจะมีห้างที่ผมแลกเงินด้านบนจะมีร้านอาหารเหมือน foodcourt ของห้างเรามีอาหารหลากหลาย
แอร์ที่ห้างในลาวจะไม่ได้เป็นแอร์ที่เย็นช่ำเหมือนในประเทศไทย แต่ก็ไม่ร้อนจนเกินไป ที่สงสัยคือห้องน้ำตามห้างเสียตังค่าเข้า ครั้งละ 10 บาท ผมเดินแล้วหิวน้ำจึงซื้อน้ำขวดหนึ่งลิตรราคา 5000 กีบ(20 บาท) จากนั้นเดินออกมาเจอร้านสะดวกซื้อ เจอน้ำ 2.5 ลิตร ราคา 4000 กีบ รู้สึกเสียงชั้นเชิงมากเลยครับ
ระหว่างเดินทางผมตั้งใจวัดจีน แต่เมื่อไปถึงแล้วพบว่าเป็นวัดชาวเวียดนาม ช่วงที่ผมมานั้นมีการสวดมนต์ ที่มีเอกลักษณ์มาก ผมเดินขึ้นไปด้านบนเห็นผู้คนกำลังตั้งใจสวดอย่างศรัทธา
ผมตั้งใจจะเดินขึ้นไปชมด้านบนแต่ดูจากกิจกรรม และบรรยากาศโดยรอบแล้วรู้สึกว่าเป็นสถานที่เฉพาะกลุ่มคน ไม่มีนักท่องเที่ยวมา จึงตั้งใจจะเข้าไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ แต่คุยกันสักพักเค้าก็บอกว่าฟังไม่ออก จึงไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดแห่งนี้
ที่ตรงข้ามมีวัดธาตุหลวง ซึ่งเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ผมเห็นมา มีโบสถ์ขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้เปิดให้เข้ากราบไหว้ ผมได้ลองพูดคุยกับหลวงพี่เรื่องเวลาเปิด พบว่าเปิดเฉพาะช่วงเวลา 6 โมงเย็น สาเหตุที่ต้องปิดเนื่องจากสมัยก่อนเปิดแล้วมีขโมยเข้ามา จึงต้องทำการเปิดปิดเป็นเวลา ผมดูนาฬิกาแล้วพบว่าต้องรออีกสองชั่วโมง จึงลาหลวงพี่ และมุ่งหน้าเดินไปยังจุดสำคัญ
ผมตั้งกล้องแล้วจับเวลาถ่าย สนุกสนานอยู่คนเดียว ที่นี้มาเที่ยวได้ในช่วงกลางวันครับ แม้แดดจะแรงแต่ลมที่นี้ก็แรง มีต้นไม้ใหญ่สำหรับนั่งหลบแดดได้ ผมถ่ายรูปเล่นซักพักก็เดินทางไปยังร้าน Veggie hut ร้านที่ปราศจากการใช้เนื้อสัตว์เป็นวัตถุดิบ เดินมาถึงแล้วพบว่าร้านเล็กมาก และไม่มีคนเลย เวลานั้นประมาณ 17.00 น. ซึ่งผมคาดว่าน่าจะต้องมีลูกค้าบ้าง ลังเลเล็กน้อยแต่ด้วยความตั้งใจ จึงลองเข้าไปในร้าน
อาหารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นอาหารจีน ผมก็ลองสั่งบะหมี่ทงคัตซึดู ระหว่างที่รออาหาร ลูกเจ้าของร้านอายุ 5 ขวบเห็นพ่อหายไป ก็เดินมาหาผมแล้วก็เอาเกมทำอาหารโชว์ ผมเลยเล่นกับน้องเค้าสักพัก พอพ่อเค้ามาก็รีบมาพาน้องเค้าออกไป ไม่รู้ว่าเกรงใจผม หรือกลัวผมทำอะไรน้องเค้า (ฮะฮา หน้าตาผมอันตราย)
พออาหารมาก็พบว่าเอ้ย ดูน่ากินมากๆ แต่ด้วยความเป็นจีนคาดว่าจะจืด แต่ลองกินแล้วรสชาติดีมาก มีความเค็มลงตัว ส่วนหมูทงคัตสึ (มังสะวิรัติ) กรอบอร่อยจนไม่รู้ว่านี่เป็นอาหารของคนกินมังสวิรัติ ถือว่าได้กินพร้อมทั้งได้บุญ แต่ผักยังค่อนข้างกรอบ หากนิ่มกว่านี้จะลงตัวมาก ผมกินอย่างเอร็ดอร่อย หมดจานชำระเงินแล้ว จึงเดินไปกินไอศรีมที่ Lotteria ซึ่งเป็นร้านจากเกาหลี ดูดีมาราคามากมาย ไอศกรีมร้านนี้อร่อยดี
หลังจากนั่งชิลจนพอใจแล้ว ก็เดินทางกลับไปชมประตูชัยอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกความรู้สึกแรกที่เห็นคือความสวยงาม
แสงรอบๆ ส่งเสริมให้ประตูชัยความงดงาม หากใครไม่ได้ค้างในเวียงจันทน์แทบจะไม่มีโอกาสมาเป็นมุมที่สวยงามแบบนี้ ระหว่างที่ผมนั่งรอชมประตูชัยอย่างสวยงามสักพัก ลำไส้ใหญ่เริ่มทำงานอย่างต่อเนื่องเริ่มมีความต้องการห้องน้ำอย่างมาก ตอนแรกตั้งใจจะกลับไปที่พัก แต่สักพักเริ่มไม่ไหวแล้ว ผมจำได้ว่ามีห้องน้ำให้เข้าราคา 2,000 กีบ ซึ่งตอนนั้นมีเพียงตัวเลือกเดียวระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำเริ่มเหงื่อตกและรีบหยิบแบงค์เตรียมไว้ จากนั้นเข้าห้องน้ำโดยเร็ว โชคดีที่พกทิชชู่จึงทำให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปได้ ถือว่าค่าใช้จ่ายการเข้าห้องน้ำ (2000 กีบ หรือประมาณ 10 บาท) มีความคุ้มค่ามากมาย
เมื่อเสร็จธุระแล้วเดินกลับมาที่ประตูชัยอีกครั้งยิ่งมืดประตูชัยแห่งนี้ยิ่งเจิดจรัสสวยงามอลังการมากครับ เมื่อชมจนเต็มอิ่มแล้วผมเดินกลับที่พักอีกครั้ง เพื่อล้างหน้า เพราะเดินมาตลอด 7 ชั่วโมง จากนั้นเดินไปที่ตลาดกลางคืน
ตลาดกลางคืนที่เวียงจันทน์ จะมีความคล้ายกับตลาดนัดสะพานพุทธตอนกลางคืน มีเสื้อผ้าขายค่อนข้างมากส่วนอาหารกินเล่นน้อยครับ หากต้องการหากร้านอาหาร หรือขนมทานเล่นต้องเดินออกมารอบนอก แถวตลาดกลางคืนจะอยู่ที่สวนเจ้าอนุวงค์สามารถไปชมกันได้
โดยรูปปั้นเจ้าอนุวงค์นั้นอยู่ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งตรงข้ามแม่น้ำโขงจะมองเห็นฝรั่งประเทศไทยทำให้ผมรู้สึกได้ว่าคนไทยกับคนลาวนั้นจริงๆแล้วก็เป็นเหมือนคนชาติเดียวกันเพียงแต่ถูกแบ่งเป็นคนละประเทศเท่านั้นเอง
ถนนบริเวณนี้ยามค่ำคืนจะถูกปิด มีคนลาวส่วนใหญ่มาเดินซื้อสินค้ากัน ซึ่งมีคนไทยค่อนข้างน้อย ตลอดทางเดินทำให้เห็นว่าเด็กวัยรุ่นลาวนั้นนิยมสูบบุหรี่กันค่อนข้างมาก เดินเป็นกลุ่มๆ ตลอดยามค่ำคืน
ผมเดินเล่นซักพักจึงซื้อแฮมเบอร์เกอร์กินและเดินกลับที่พักอาบน้ำและเข้านอน ในตอนนั้นรู้สึกว่าเมื่อยขามากๆ พอมาดูระยะทางที่เดินวันนี้ (จาก Mi band) ก็พบว่าเดินไป 27 กิโลเมตร ตั้งแต่ 11.00-22.00 น. เป็นการเดินที่นานมากครับ แต่มีความอิสระที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวมาเลย
สรุปค่าใช้จ่าย
23 ธันวาคม 2559
24 ธันวาคม 2559
face2cu
ตลอดทริปนี้สี่วันผมอยู่ที่เวียงจันทน์แค่ที่เดียว ถือว่าเป็นการใช้เวลาที่ค่อนข้างนาน เพราะเดิมทีเมืองเวียงจันทน์นี้หลายๆนักท่องเที่ยวมองว่าเป็นเมืองทางผ่าน แต่สำหรับผมแล้วจะขอมาเดินชิว ค่อยๆเที่ยว หาร้านอาหารอร่อยกินกันอย่างเจาะลึก inside กัน
23 ธันวาคม 2559
จากกรุงเทพไปยังดอนเมือง ผมเดินทางโดยรถไฟที่ขึ้นชื่อเสียงเรื่องเวลา แต่ด้วยราคาแล้วโดนใจมากครับ ผมตีตั๋ว 0 บาทจากบางซื่อไปดอนเมือง ขึ้นรถแล้วก็นั่งรอประมาณ 20 นาทีรถไฟจึงออกจากสถานี เมื่อถึงดอนเมืองแล้วก็ checkin และเข้า terminal เตรียมบินกัน ช่วงที่ไปดอนเมืองมีการเติมอาคารใหม่ทำสวยดูดีขึ้นมากครับไม่แพ้สนามบินสุวรรณภูมิเลย
เมื่อเดินทางถึงอุดรแล้วผมจองที่พักไว้ที่ประจักตราโฮสเทล ที่พักมีบริการรถตู้มารับ มีความเป็น VIP สุดๆ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหลังจากจองห้อง แนะนำมากๆสำหรับนักเดินทาง เพราะการเดินทางจากสนามบินไปยังตัวเมืองอุดร ถ้านั่งรถตู้ หรือ taxi ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูงเอาการ(80-100 บาท สำหรับ 3 กิโลเมตร )
จากที่พักสามารถเดินทางไปสถานีขนส่งได้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ระหว่างทางจะมีร้านอาหารมากมายสุดท้ายผมกับเพื่อนๆเลือกเข้าร้านซูโก้ยราเมง ผมเลือกราเมงเส้นชาโคลน้ำซุปมิโซะเข้มข้นหน้าโรงแรม จากนั้นเดินกลับที่พักเพื่อพักผ่อน
24 ธันวาคม 2559
เช้าเวลา 5.30 เสียงดังจากห้องอาหารปลุกผมขึ้น ลุกขึ้นมาดูก็พบว่ามีกลุ่มคนมานั่งทานข้าวประมาณ 20 คน คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มทัวร์แน่ๆ จากนั้นลงไปทานอาหารเช้าตอน 7 โมง อาหารของที่พักมีขนมปัง ข้าวต้ม ผลไม้ ข้าวกับแกงสองอย่าง ให้ตักกันอย่างจุใจมาก
เมื่ออิ่มแล้วผมก็เดินทางไปยังสถานีขนส่งกับพี่อีกคนหนึ่งซึ่งเค้ามีแผนนั่งรถตรงไปยังวังเวียง ส่วนผมไปที่เวียงจันทน์ ผมแยกตัวกับพี่ จองตั๋วรถจากอุดรไปยังกรุงเวียงจันทน์รอบ 9.00 น. การเริ่มเดินทางคนเดียวครั้งแรกของผมจึงได้เริ่มต้นขึ้น ข้างๆผมเป็นผู้หญิงชาวลาวซึ่งเธอรู้สึกเกร็งเมื่อผมมานั่งตอนแรก แต่สักพักเธอก็ฟังเพลงตลอดทาง ส่วนผมหลับๆ ตื่นบ้างในการผ่านเข้าออกด่านหนองคายเพื่อเข้าสู่ประเทศลาว จะต้องลงฝั่งไทยเพื่อแสตมป์ออกจากไทย และเข้าฝั่งลาวก็ต้องแสตมป์ จากนั้นเดินทางเข้าสุ่กรุงเวียงจันทน์ใช้เวลาทั้งหมดประมาณสองชั่วโมงครึ่ง
เมื่อถึงสถานีขนส่งตลาดเช้าแล้ว ก้าวแรกที่เหยียบพื้นดินรู้สึกอิสระสุดๆ เพราะการมาคนเดียวทำให้ต้องตัดสินทุกอย่างด้วยตัวเอง ทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมด มีพี่ๆตุ๊กคอยเรียก แต่เรามีสองเท้าบวกกับความถึกก็เดินเอา ก่อนถึงสี่แยกจะมีห้างข้างทางเดินเข้าไป พบว่าอัตราแลกเปลี่ยนดี(เมื่อเที่ยบกับร้านอื่น) 1 บาท = 231 กีบ จึงแรกไป 1,000 บาท เพราะคาดการณ์ว่าคงจะใช้จ่ายไม่มาก
ตลอดทางเดินมักจะพบชาวต่างชาติเดินกันมากมาย ส่วนคนไทยไม่ค่อยมี เพราะกรุงเวียงจันทน์มักจะเป็นทางผ่านเท่านั้น ผมใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที พร้อมกับดู google map ก็ถึงที่พัก ชื่อที่พัก Avalon B&B
ราคาที่จองมาประมาณ 431 บาท สำหรับสองคืนพร้อมอาหารเช้า (นอนรวมครับ) แต่เมื่อไปชำระเงินพบว่าสามารถจ่ายเป็นเงินกีบได้ ลองทำนวณใหม่ เฮ้ย ถูกกว่าจ่ายเงินบาท รออะไรอีกละครับจ่ายเงินกีบเลย 92,000 กีบ เงินที่แรกมา 1,000 บาท(230,000 กีบ) หายไปอย่างรวดเร็ว รอสักพักก็จะได้กุญแจ สำหรับใครที่ต้องการเที่ยว backpack ที่นี่ผมขอแนะนำเลย ข้อดีห้องพักแห่งนี้
- มี Locker
- มีอาหารเช้า
- หัวเตียงมีที่ charge สองปลั๊ก
- ห้องน้ำ ห้องส้วมแยกกัน ทำให้เวลาอาบน้ำสบายมาก
- ห้องดูสะอาด
- ใกล้ใจกลางเมือง เดินไม่ไกล
หากสนใจลองไปลองจองผ่าน Web ได้ เลย ผมขึ้นห้องพักนำกระเป๋าใบใหญ่เก็บใส่ Locker แล้วเริ่มเดินทางออกจากที่พัก เดินออกมาไหม่ไกลเจอร้านข้าวแกง ซึ่งดูคล้ายๆบ้านเรามาก ผมสั่งผักคะน้ากับลาบหมู
ราคาของจานนี้ 12,000 กีบ ซึ่งถือว่าเป็นมื้อที่ถูกที่สุด รสชาติอาหารจืดกว่าบ้านเรา มีน้ำแกงให้ด้วย ส่วนน้ำเปล่าบริการฟรี มีแก้วพลาสติกให้ใช้ ดูดีมากๆ ผมนั่งกินสักพักก็เห็นกับคนลาวเดินเข้ามากินกัน หยิบไอโฟนหกขึ้นมาใช้ ทำให้รู้ว่าประเทศเพื่อนบ้านเราก็ไม่น้อยหน้าเราเลยนะ หลังจากอิ่มแล้วก็เดินเที่ยวต่อ
ตลอดทางเดินค่อนข้างร้อน เพราะเป็นเส้นทางออกนอกเมือง จุดที่ผมตั้งใจจะไปคืออนุสาวรีย์เจ้าฟ้างุ้ม ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งทิศตะวันตก สถานที่แห่งนี้แทบจะไม่มีใครมาเลย ย่านนี้จะมีโรงแรมหรูๆจำนวนมาก ผมนั่งพักเหนื่อย จึงเดินทางต่อ แถวๆนั้นมีมีโรงเรียนนักเรียนระดับประถม ผมเห็นรถเข็นขายชานมไข่มุก เค้าให้นักเรียนตักไข่มุกกันเองเลย อิสระมากๆ ส่วนร้านข้างๆเป็นขนมโตเกียว ที่ลาวขนมโตเกียวแปลกทำหนึ่งชิ้นใหญ่ๆแล้วทาครีมสี่ครั้ง ลองสอบถามราคา 5000 กีบ (20 บาท) โอ้ราคาสูงมากเลย กะว่าจะลองกินดูแต่เหลือบไปเห็นครีมดูแล้วน่าจะเป็นพวกครีมสำเร็จรูปเลยไม่ซื้อ จากนั้นเดินไปที่วัดในตัวเมือง
ภายในเมืองเวียงจันทน์มีวัดที่ถูกถนนตัดผ่าน ทำให้แบ่งเป็นสีวัดคือ
- วัดอินแปง
- วัดมีชัย
- วัดหายโศก
- วัดองตื้อ
ต่อด้วยวัดองตื้อ
ภายในโบสถ์ผมเข้าไปแล้วพบพระกำลังคุยกับชาวต่างชาติด้วยภาษาลาว ซึ่งเกี่ยวกับการทำนายเซียมซีที่ประเทศลาวเวลาเซียมซีจะใช้เป็นการหยิบแทนการเขย่านะครับ ผมได้พูดคุยกับพระท่านเล็กน้อยและก็จากไป
วัดหายโศก เป็นวัดที่มีความเงียบสงบรอบวัดมากที่สุด มีความร่มรื่นมากที่สุด แนะนำให้มาช่วงเช้าโบสถ์จะเปิดให้กราบไหว้พระประธาน
หลังจากชมวัดแล้วผมก็เดินทางมุ่งหน้าไปที่ตลาดเช้าเพื่อดูมีของขายอะไรบ้าง ก็พบว่ามีแค่เสื้อผ้า กับทอง คนลาวซื้อทองเยอะมาก แปลกจัง ส่วนด้านข้างๆจะมีห้างที่ผมแลกเงินด้านบนจะมีร้านอาหารเหมือน foodcourt ของห้างเรามีอาหารหลากหลาย
แอร์ที่ห้างในลาวจะไม่ได้เป็นแอร์ที่เย็นช่ำเหมือนในประเทศไทย แต่ก็ไม่ร้อนจนเกินไป ที่สงสัยคือห้องน้ำตามห้างเสียตังค่าเข้า ครั้งละ 10 บาท ผมเดินแล้วหิวน้ำจึงซื้อน้ำขวดหนึ่งลิตรราคา 5000 กีบ(20 บาท) จากนั้นเดินออกมาเจอร้านสะดวกซื้อ เจอน้ำ 2.5 ลิตร ราคา 4000 กีบ รู้สึกเสียงชั้นเชิงมากเลยครับ
ระหว่างเดินทางผมตั้งใจวัดจีน แต่เมื่อไปถึงแล้วพบว่าเป็นวัดชาวเวียดนาม ช่วงที่ผมมานั้นมีการสวดมนต์ ที่มีเอกลักษณ์มาก ผมเดินขึ้นไปด้านบนเห็นผู้คนกำลังตั้งใจสวดอย่างศรัทธา
ผมตั้งใจจะเดินขึ้นไปชมด้านบนแต่ดูจากกิจกรรม และบรรยากาศโดยรอบแล้วรู้สึกว่าเป็นสถานที่เฉพาะกลุ่มคน ไม่มีนักท่องเที่ยวมา จึงตั้งใจจะเข้าไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ แต่คุยกันสักพักเค้าก็บอกว่าฟังไม่ออก จึงไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับวัดแห่งนี้
ที่ตรงข้ามมีวัดธาตุหลวง ซึ่งเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่ผมเห็นมา มีโบสถ์ขนาดใหญ่ แต่ไม่ได้เปิดให้เข้ากราบไหว้ ผมได้ลองพูดคุยกับหลวงพี่เรื่องเวลาเปิด พบว่าเปิดเฉพาะช่วงเวลา 6 โมงเย็น สาเหตุที่ต้องปิดเนื่องจากสมัยก่อนเปิดแล้วมีขโมยเข้ามา จึงต้องทำการเปิดปิดเป็นเวลา ผมดูนาฬิกาแล้วพบว่าต้องรออีกสองชั่วโมง จึงลาหลวงพี่ และมุ่งหน้าเดินไปยังจุดสำคัญ
ตลอดการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวด้วยสองเท้ารู้สึกอิสระจริงๆ ทำให้เข้าใจว่าทำไมคนจึงนิยมท่องเที่ยวคนเดียว กรุงเวียงจันทน์ มีความง่ายมายิ่งขึ้นในด้านภาษาเพราะคนลาวเข้าใจภาษาไทยครับ ระหว่างที่เดินก็เห็นมุมของยอดประตูชัยแต่ไกล สวยงามมากมองเห็นรถเมล์กับรถมอเตอร์ไซด์แล้วทำให้รู้สึกว่ามุมนี้พิเศษกว่าภาพอื่นๆ ผมเดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นประตูชัย สถานที่ซึ่งสร้างหลังจากที่สงครามของอเมริกาจบลง ผมเคยมาที่แห่งนี้แล้วแต่ก็ยังคงชอบที่จะมาชมความสวยงาม อลังการผสมผสานกับความเป็นเอเชียและความเป็นตะวันออกอย่างลงตัว
ผมตั้งกล้องแล้วจับเวลาถ่าย สนุกสนานอยู่คนเดียว ที่นี้มาเที่ยวได้ในช่วงกลางวันครับ แม้แดดจะแรงแต่ลมที่นี้ก็แรง มีต้นไม้ใหญ่สำหรับนั่งหลบแดดได้ ผมถ่ายรูปเล่นซักพักก็เดินทางไปยังร้าน Veggie hut ร้านที่ปราศจากการใช้เนื้อสัตว์เป็นวัตถุดิบ เดินมาถึงแล้วพบว่าร้านเล็กมาก และไม่มีคนเลย เวลานั้นประมาณ 17.00 น. ซึ่งผมคาดว่าน่าจะต้องมีลูกค้าบ้าง ลังเลเล็กน้อยแต่ด้วยความตั้งใจ จึงลองเข้าไปในร้าน
อาหารที่นี่ส่วนใหญ่เป็นอาหารจีน ผมก็ลองสั่งบะหมี่ทงคัตซึดู ระหว่างที่รออาหาร ลูกเจ้าของร้านอายุ 5 ขวบเห็นพ่อหายไป ก็เดินมาหาผมแล้วก็เอาเกมทำอาหารโชว์ ผมเลยเล่นกับน้องเค้าสักพัก พอพ่อเค้ามาก็รีบมาพาน้องเค้าออกไป ไม่รู้ว่าเกรงใจผม หรือกลัวผมทำอะไรน้องเค้า (ฮะฮา หน้าตาผมอันตราย)
พออาหารมาก็พบว่าเอ้ย ดูน่ากินมากๆ แต่ด้วยความเป็นจีนคาดว่าจะจืด แต่ลองกินแล้วรสชาติดีมาก มีความเค็มลงตัว ส่วนหมูทงคัตสึ (มังสะวิรัติ) กรอบอร่อยจนไม่รู้ว่านี่เป็นอาหารของคนกินมังสวิรัติ ถือว่าได้กินพร้อมทั้งได้บุญ แต่ผักยังค่อนข้างกรอบ หากนิ่มกว่านี้จะลงตัวมาก ผมกินอย่างเอร็ดอร่อย หมดจานชำระเงินแล้ว จึงเดินไปกินไอศรีมที่ Lotteria ซึ่งเป็นร้านจากเกาหลี ดูดีมาราคามากมาย ไอศกรีมร้านนี้อร่อยดี
หลังจากนั่งชิลจนพอใจแล้ว ก็เดินทางกลับไปชมประตูชัยอีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกความรู้สึกแรกที่เห็นคือความสวยงาม
แสงรอบๆ ส่งเสริมให้ประตูชัยความงดงาม หากใครไม่ได้ค้างในเวียงจันทน์แทบจะไม่มีโอกาสมาเป็นมุมที่สวยงามแบบนี้ ระหว่างที่ผมนั่งรอชมประตูชัยอย่างสวยงามสักพัก ลำไส้ใหญ่เริ่มทำงานอย่างต่อเนื่องเริ่มมีความต้องการห้องน้ำอย่างมาก ตอนแรกตั้งใจจะกลับไปที่พัก แต่สักพักเริ่มไม่ไหวแล้ว ผมจำได้ว่ามีห้องน้ำให้เข้าราคา 2,000 กีบ ซึ่งตอนนั้นมีเพียงตัวเลือกเดียวระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำเริ่มเหงื่อตกและรีบหยิบแบงค์เตรียมไว้ จากนั้นเข้าห้องน้ำโดยเร็ว โชคดีที่พกทิชชู่จึงทำให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปได้ ถือว่าค่าใช้จ่ายการเข้าห้องน้ำ (2000 กีบ หรือประมาณ 10 บาท) มีความคุ้มค่ามากมาย
เมื่อเสร็จธุระแล้วเดินกลับมาที่ประตูชัยอีกครั้งยิ่งมืดประตูชัยแห่งนี้ยิ่งเจิดจรัสสวยงามอลังการมากครับ เมื่อชมจนเต็มอิ่มแล้วผมเดินกลับที่พักอีกครั้ง เพื่อล้างหน้า เพราะเดินมาตลอด 7 ชั่วโมง จากนั้นเดินไปที่ตลาดกลางคืน
ตลาดกลางคืนที่เวียงจันทน์ จะมีความคล้ายกับตลาดนัดสะพานพุทธตอนกลางคืน มีเสื้อผ้าขายค่อนข้างมากส่วนอาหารกินเล่นน้อยครับ หากต้องการหากร้านอาหาร หรือขนมทานเล่นต้องเดินออกมารอบนอก แถวตลาดกลางคืนจะอยู่ที่สวนเจ้าอนุวงค์สามารถไปชมกันได้
โดยรูปปั้นเจ้าอนุวงค์นั้นอยู่ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งตรงข้ามแม่น้ำโขงจะมองเห็นฝรั่งประเทศไทยทำให้ผมรู้สึกได้ว่าคนไทยกับคนลาวนั้นจริงๆแล้วก็เป็นเหมือนคนชาติเดียวกันเพียงแต่ถูกแบ่งเป็นคนละประเทศเท่านั้นเอง
ถนนบริเวณนี้ยามค่ำคืนจะถูกปิด มีคนลาวส่วนใหญ่มาเดินซื้อสินค้ากัน ซึ่งมีคนไทยค่อนข้างน้อย ตลอดทางเดินทำให้เห็นว่าเด็กวัยรุ่นลาวนั้นนิยมสูบบุหรี่กันค่อนข้างมาก เดินเป็นกลุ่มๆ ตลอดยามค่ำคืน
ผมเดินเล่นซักพักจึงซื้อแฮมเบอร์เกอร์กินและเดินกลับที่พักอาบน้ำและเข้านอน ในตอนนั้นรู้สึกว่าเมื่อยขามากๆ พอมาดูระยะทางที่เดินวันนี้ (จาก Mi band) ก็พบว่าเดินไป 27 กิโลเมตร ตั้งแต่ 11.00-22.00 น. เป็นการเดินที่นานมากครับ แต่มีความอิสระที่สุดเท่าที่เคยเที่ยวมาเลย
สรุปค่าใช้จ่าย
23 ธันวาคม 2559
รายการ | เงินบาท |
ค่ารถ | 34 |
ค่าอาหาร | 35 |
ค่าน้ำ | 7 |
ค่าของใช้ | 90 |
ค่าอาหารเย็น | 80 |
รวม | 246 |
24 ธันวาคม 2559
รายการ | เงินบาท | เงินกีบ |
ค่ารถ | 80 | |
ค่าผ่านด่าน | 5 | |
ค่าเข้าห้องน้ำ | 10 | |
ค่าโรงแรม | 391 | 92,000 |
ค่ามัดจำกุญแจ | 85 | 20,000 |
ค่าอาหารเที่ยง | 51 | 12,000 |
ค่าน้ำ | 21 | 5,000 |
ค่าน้ำ | 17 | 4,000 |
ค่านม | 15 | 3,500 |
ค่าอาหารเย็น | 106 | 25,000 |
ค่าห้องน้ำ | 9 | 2,000 |
ค่าขนมใบเตย | 21 | 5,000 |
ค่า Hamburger | 43 | 10,000 |
รวม | 855 |
face2cu
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น