ถุงน้ำที่ไต หรือ ไตบวมน้ำ Cyst kidney

ถุงน้ำที่ไต หรือ ไตบวมน้ำ

หลังจากที่ผมได้พาคุณพ่อไปตรวจสุขภาพแล้วก็พบว่า แนะนำให้ไปตรวจไตต่อเนื่องจากพบถุงน้ำขนาดใหญ่ ระหว่างที่รอผลอื่นๆ พี่สาวผมพยายามเร่งให้โรงพยาบาลส่งผลทางไปรษณีย์มาให้ เมื่อได้ผลแล้วก็ลองดูค่าปัสสาวะก็พบว่าปัสสาวะปกติ(สาเหตุที่ดูค่าปัสสาวะเพราะคิดว่าไตที่บวมน้ำนั้นอาจจะมีผลต่อค่าปัสสาวะ) เมื่อได้ผลครบแล้วก็ได้ไปโรงพยาบาลธนบุรีเพื่อทำการตรวจสอบว่าไตนั้นเป็นอย่างไร จากข้อมูลใน internet ผมมักจะพบว่าแค่การทำการตรวจสอบเป็นระยะและดูว่าไตยังทำงานปกติหรือไม่ หากทำงานปกติก็ไม่ต้องดำเนินการรักษาใด ซึ่งผมก็หวังว่าเป็นเช่นนั้น

เริ่มต้น

ทางคุณหมอที่โรงพยาบาลธนบุรีให้ทำการ X-ray แบบ ฉีดสีเพื่อดูการทำงานของไต ในการเริ่มต้นนั้นการ Xray นั้นจะต้องอดอาหารตั้งแต่สี่ทุ่ม จากนั้นเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ก็จะมีการฉีดสีซึ่งก่อนการฉีดสีทางพยาบาลได้มีสอบการเรื่องการแพ้อาหารทะเลด้วย โชคดีที่พ่อผมไม่แพ้อาหารทะเล ฉีดเสร็จแล้วก็เริ่มการ X-ray ใช้เวลาเดินเข้าออกห้อง X-ray เรื่อยๆ ทุกๆ 20 นาที ซึ่งตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้ ใช้เวลา X-ray ถึง 11.30 ถึงได้ไปทานข้าวและรอคุณหมอตอนบ่ายสามโมง ระหว่างรอก็ไปทานข้าว นั่งพัก นั่งหลับตรงที่นั่งเลย

ผลการอ่านค่า

คุณหมอเปิด film X-ray ผ่านคอมและอธิบายให้ดูว่า สีขาวๆ นั้นเป็นเลือดที่มีการฉีดสีเข้าไป ไตข้างที่ไม่มีถุงน้ำนั้นจะมีสีขาวๆไหลผ่าน จากไตเข้าสู่กระเพราะปัสสาวะส่วนข้างที่มีถุงน้ำนั้นกลับไม่มีที่ฉีดสีไหลผ่านเลย คุณหมอจึงวินิจฉัยว่าอาจจะมีการนิ่วเข้าไปตันอยู่ทำให้ไม่ไหลก็ได้ แนะนำการรักษาขั้นต่อไปคือการส่องกล้อง

การส่องกล้อง

คุณหมอแนะนำให้ส่องกล้องเพื่อเข้าดูว่ามีนิ่วอุดตันตรงท่อหรือไม่ หากพบนิ่วก็จะคีบออกมาและไตนั้นก็อาจจะกลับมาทำงานปกติได้ แต่มีเงื่อนไขของนิ่วว่า นิ่วนั้นต้องอยู่ในช่วงต้นๆ เท่านั้นหากอยู่ลึกจะไม่สามารถทำได้ วิธีการรักษาคือการการวางยาสลบและดำเนินการสอดท่อ คุณพ่อผมใช้ระยะเวลาพื้นตัวทั้งหมดสามวันสองคืนในการพักฟื้น ทุกอย่างราบรื่นและผลออกมาก็คือไม่มีนิ่ว คุณหมอที่โรงพยาบาลธนบุรีจึงแนะนำให้ไปที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อตรวจต่อ

ไปตรวจต่อที่ศิริราช

เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาลศิริราช ทางคุณหมอว่าต้องตรวจใหม่ทั้งหมด โดยการ X-ray แบบ CT Scan แบบละเอียดเสียค่าใช้จ่ายถึง 15,000 บาท ค่อนข้างสูง จากนั้นคุณหมอวินิจฉัยว่า ต้องทำการผ่าตัดดูดน้ำออกจากไต ไตนั้นอาจจะมีโอกาสกลับมาทำงานได้ (80% ไม่เต็มร้อย) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานได้แน่นอนต้องลองเจาะน้ำดูก่อน หากไม่ทำการผ่าตัดก็คงจะใช้งานไม่ได้ต่อไป พี่สาวผมช่วยตัดสินใจทันทีนัดผ่า ส่วนการผ่านั้นมีสองแบบ

• ผ่าแบบปกติ ค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000-200,000 บาท ซึ่งแผลจะใหญ่พักฟื้นนาน
• ผ่าแบบใช้หุ่นยนต์ ค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000 บาท แผลจะเล็กและใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า

เนื่องจากคุณพ่อมีประกันชีวิตของ AIA จึงพอจะมีเบิกได้ จึงเลือกวิธีที่สองผ่าแบบใช้หุ่นยนต์

วันผ่าตัด

คุณพ่อคุณแม่พี่สาวและผมไปที่โรงพยาบาล เข้าห้องพักแต่เช้าเพื่อรอผ่าตัดตอนเย็น สภาพห้องที่โรงพยาบาลศิริราชนั้นดีมาก เหมือนกับโรงแรมเลยก็ว่าได้ประทับใจสุดๆ คุณพ่อทานข้าวเช้าและน้ำได้ถึงเก้าโมงเช้าและงดทุกอย่างจนถึงเวลาผ่า เวลาช่วงนั้นผ่านไปอย่างช้าๆและตื่นเต้นมาก เพราะเป็นการผ่าตัดครั้งใหญ่ของคุณพ่อ เวลาประมาณบ่ายสองคุณพ่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมผ่าตัด พอตอนบ่ายสี่โมงนางพยาบาลเดินมาแจ้งว่าเตียงมาแล้ว จากนั้นก็เข็นคุณพ่อไปห้องผ่าตัด ช่วงเวลานั้นตื่นเต้นมาก ส่วนคุณพ่อนิ่งมาก ถามแล้วคุณพ่อเฉยไม่กลัวแต่อย่างใด ส่งถึงห้องผ่าตัด ใช้เวลาผ่านไป สี่ชั่วโมงเวลานั้นรู้สึกนานมาก ผมมีเดินไปที่ห้องผ่าตัดตอนประมาณสองทุ่มก็ไม่พบใครนั่งรออยู่หน้าห้องเลย มองเข้าไปในห้องพักฟื้นก็ไม่มีใคร มีเจ้าหน้าที่สองสามคน ผมก็เดินกลับห้อง ระหว่างที่รอนั่งดูโทรทัศน์นางพยาบาลเดินเข้ามาและบอกว่าคุณพ่อกำลังจะกลับมาแล้ว

ครั้งแรกที่เห็นคุณพ่อถูกเข็นเข้ามาในห้อง มีสายปัสสาวะค้างอยู่ และสายถุงเลือดที่ต่อจากท้องดูแล้วเจ็บแทน นางพยาบาลช่วยกันเคลื่อนคุณพ่อจากเตียงรถเข็นมาที่เตียงคนไข้อย่างรวดเร็ว ส่วนคุณพ่อมีอาการเจ็บค่อนข้างมาก เห็นได้จากหน้าตาท่าทางเลย สักพักนางพยาบาลก็ถามว่าเจ็บระดับไหน จาก 1-10 ซึ่งคุณพ่อก็ตอบว่า 5 (ถ้าเกิน 3 จะมีการให้ยาระงับปวด) จากนั้นนางพยาบาลก็นำยามีฉีดให้และสักพักคุณพ่อก็นอนหลับ ระหว่างนั้นทำอะไรไม่ถูกเลยโทรรายงานคุณแม่พี่สาว ผมนอนหลับๆตื่นๆ เพราะนางพยาบาลเข้าไปวัดความดัน และสอบถามอาการอยู่ทุกๆ สองชั่วโมง จนกระทั่งเช้า ตอนเช้าคุณพ่ออาการดีขึ้นเหลือแค่ตึงแผลอย่างเดียว คุณพ่อพักฟื้นอีกสี่วันแล้วก็ออกจากโรงพยาบาล โดยผลการผ่าตัดนั้นค่อนข้างดี แต่หลังจากกลับมาแล้วยังต้องล้างแผลไปก่อน และอีกหนึ่งเดือนกลับไปพบคุณหมออีกครั้ง

รอก่อนนะครับ ว่าไปหาคุณหมอแล้วเป็นอย่างไร จะมาเขียนต่อ

face2cu