การชวนทำประกันของธนาคารกรุงไทยที่ไม่เหมาะสม KrungThai Bank

สำหรับเรื่องนี้ผมเขียนขึ้นมานั้นเกิดขึ้นจริงทั้งหมด ไม่ได้มีการแต่งเติมแต่อย่างใด
จุดประสงค์ที่เขียนขึ้นมาเพื่อเป็นบทเรียนสำหรับผม และให้ผู้อื่นให้เข้าใจในการรูปแบบของการเชิญชวนให้ทำประกันอุบัติเหตุโดยการพูดจาไม่ตรงไปตรงมาของตัวแทนประกันของธนาคารกรุงไทย และอีกสิ่งหนึ่งคืออยากให้ทางบริษัทกรุงไทยนั้นทราบถึงวิธีการเชิญชวนที่ไม่เหมาะนั้นหยุดการกระทำดังกล่าว เพื่อที่จะไม่ให้เกิดขึ้นกับคนอื่น

ในวันที่ 3 กรกฎาคม พศ. 2555

ในเวลา 14.33 น. ผมได้รับโทรศัพท์จากทางบริษัทกรุงไทย โดยมี
คุณนุชนาถ  ดอกชะเอมเป็นคนโทรมา เธอแจ้งกับผมว่า เธอนั้นได้พยายามติดต่อผม มาตั้งแต่ช่วงเมษายนแล้ว แล้วเธอก็บอกผมว่าเนื่องจากผมเป็นลูกค้าที่ถือบัตรเครดิต KTC ทางธนาคารกรุงไทย่จึงมีสิทธิพิเศษให้ลูกค้ารับความคุ้มครองทางด้านอุบัติเหตุให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ซึ่งเธอนั้นได้พูดเน้นย้ำถึงเรื่องค่าใช้จ่ายว่าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ผมจึงทวนกับเธออีกครั้ง ว่าการรับความคุ้มครองนี้เป็นสิทธิพิเศษที่ทาง บัตรเครดิตKTC มอบให้โดยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายและเมื่อหมดอายุสัญญานั้นจะไม่มีการต่ออายุใช่หรือไม่ ซึ่งทางเธอก็แจ้งว่าใช่

เธอจึงสอบถามข้อมูลเบื้องต้น รวมถึงสอบถามประวัติสุขภาพของผม จากนั้นเธอจึงแจ้งเงื่อนไขในกรมธรรม์ ซึ่งเธอการพูดของเธอนั้นเร็วมากครับจนจับใจความแทบไม่ได้ จนกระทั่งเงื่อนไขข้อท้ายที่เธอพูดนั้นผมได้ยินไม่ค่อยชัดเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย และได้ยินว่าภายในสามสิบวันหลังจากรับกรมธรรม์ 

ผมรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจกับเงื่อนไข และพยายามที่จะทวนกับเธอ แต่เธอก็พยายามบอกให้ผมพูดว่า Okay ซึ่งผมก็ดันตอบไปว่า Okay ก่อน(เป็นความผิดพลาดของผมเอง) สาเหตุที่ตอบไปเพราะคิดว่าจะได้คุยเงื่อนไขกับเธออีกครั้ง แต่เมื่อผมตอบไปแล้ว เธอก็แจ้งเบอร์โทรติดต่อให้กับผมทราบว่า หากมีข้อสงสัยใดๆ ให้โทรติดต่อเธอได้

• -02-612-8954
• -02-660-6060

เมื่อผมจดเบอร์โทรแล้ว ผมก็เริ่มสงสัยเงื่อนไข เนื่องจากผมจับประเด็นได้ว่า เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วหากไม่พอใจสามารถโทรแจ้งยกเลิกได้ แต่ถ้าไม่ได้โทรแจ้งค่าใช้จ่ายก็จะเรียกเก็บไปที่บัตรเครติด แต่เมื่อผมพยายามคุยเงื่อนไขกับทาง คุณนุชนาถ  ดอกชะเอม แต่ เธอกดตัดสายทิ้งครับ
....
......
........
...........
ผมรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของเธอมากครับ และรู้สึกว่าผมถูกหลอกให้ทำประกันอุบัติเหตุโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน จากนั้นผมนำเบอร์ที่เธอให้มานั้นโทรกลับไปครับ

เบอร์แรก 02-612-8954 โทรไปแล้ว กลับเป็นฝ่ายสินไหมซึ่งผมถามหาาคุณนุชนาถ  ดอกชะเอม คนรับก็บอกว่าไม่มีคนชื่อนี้ และที่นี้ก็ไม่ใช่เป็นหน่วยงานขายครับ 

ผมไม่รอช้าจึงโทรไปอีกเบอร์นึงคือ 02-660-6060 ก็มีเจ้าหน้าที่ที่ชื่อคุณโสพิช   (ไม่ทราบว่าสะกดถูกรึเปล่า) ซึ่งเธอก็บอกว่าเธอสามารถตรวจสอบได้แต่กรมธรรม์ที่ยื่นเข้ามา ถึงจะดำเนินยกเลิกได้ ซึ่งผมก็ได้คุยรายละเอียดกับเธอ และเธอก็แจ้งว่าหากได้มีการตอบตกลงไปแล้ว ทางตัวแทนผู้ขายจะส่งเรื่องมาให้ ทางธนาคารออกกรมธรรม์ จากนั้นจึงเรียกเก็บเงินผ่านบัตรเครดิต และหากภายในสามสิบวันนั้นลูกค้าไม่พอใจสามารถโทรยกเลิกได้และค่าใช้จ่ายที่เคยเก็บไปนั้นจะทบคืนในเดือนถัดไป ซึ่งผมฟังแล้วก็คล้ายกับสิ่งที่ผมพึ่งตอบตกลงไปกับทางคุณนุชนาถ  ดอกชะเอม ผมจึงแจ้งเธอให้ช่วยหาเบอร์โทร Sale เพื่อยับยั้งการขายครั้งนี้

คุณโสพิช  หาเบอร์ให้ ซึ่งผมได้เบอร์ใหม่มาคือ 02-624-1333
จากนั้นผมจึงโทรไป เมื่อโทรไปแล้วก็ได้คุยคุณธัญญาลักษณ์ ซึ่งเธอนั้นเกี่ยวข้องกับการรับเรื่องการขาย ผมได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้กับเธอ แต่เธอตรวจสอบแล้วไม่ชื่อตัวแทนในบริษัทนี้ ผมจึงขอให้เธอช่วยหาเบอร์โทรของบริษัทอื่นเพื่อที่จะได้โทรแจ้งยกเลิก ซึ่งเธอก็รับปากว่าจะหาเบอร์ให้และติดต่อกลับ

ระหว่างนั้นผมจึงดูมือถือ ก็นึกได้ว่ามีเบอร์ที่คุณนุชนาถ  ดอกชะเอม  023-537-9111โทรเข้ามาแต่พอโทรกลับไปแล้วกลับเป็นเบอร์ที่ยังไม่เปิดใช้บริการ (ดูเหมือนจะไม่ให้ลูกค้าติดต่อกลับ)

จากนั้นเวลา 15.33 น. ทางคุณธัญญาลักษณ์ได้โทรเข้ามือถือผมเพื่อแจ้งเบอร์บริษัทให้ผมติดต่อไป คือเบอร์ 02-353-7909

ผมรีบโทรไปคุยทันที  ซึ่งได้คุยกับทาง คุณนีรนุช นิลใบ (ไม่ทราบว่าสะกดชื่อถูกรึเปล่า) ผมได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง และรวมถึงต่อว่าไปว่าทำไมบริษัทชั้นนำถึงให้ ตัวแทนทำกับลูกค้าแบบนี้ ซึ่งเธอก็ได้เพียงแต่รับเรื่อง และยอมทำการยกเลิกการสมัคร

เรื่องทั้งหมดก็จบลงในวันนั้ัน(วันที่ 3 กรกฎาคม พศ. 2555) ซึ่งผมยังคงต้องดูว่าในบิลของบัตรเครดิตนั้นจะมีการเรียกเก็บมาหรือไม่

ผมขอสรุปหัวข้อ
1. หากการขายประกันทั่วไป ทางตัวแทนการโทรมาคุยและเสนอตัวว่าตัวเองเป็นตัวแทนมีโครงงานดีๆ มาแนะนำนั้น เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะ ตัวแทนท่านนั้นถือว่ามีจรรยาบรรณการเป็นตัวแทนที่ดี คือแจ้งวัตถุประสงค์ที่จะคุยและทำให้ลูกค้านั้นทราบถึงสิ่งที่จะตัดสินใจ ซึ่งผิดกับคุณคุณนุชนาถ  ดอกชะเอม  ที่ได้นำเรื่องลูกค้าถือบัตรเครดิตและโกหกหลอกหลวงว่าคุณได้รับสิทธิพิเศษถือกรมธรรธ์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

2. เนื่องจากผมได้มีประสบการณ์ซื้อประกันจากตัวแทนบริษัทอื่นที่มีตัวแทนมาแนะนำ และแจ้งผลประโยชน์อย่างชัดเจนและให้เวลาตัดสินใจ แต่ในการขายของธนาคารกรุงไทยครังนี้ตัวแทนกลับพูดจาวกไปวนมาเกี่ยวกับเรื่องการชักชวน และในการแจ้งผลประโยชน์นั้นก็พูดรวบรัดและมุ่งปิดการขายเพียงอย่างเดียว

3. ความซื่่อสัตย์ของตัวแทน คุณนุชนาถ  ดอกชะเอมนั้นแสดงให้เห็นถึงความไม่น่าไว้วางใจ
    3.1 ไม่แจ้งวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
    3.2  พยายามหว่านล้อมให้ลูกค้าตอบตกลง โดยที่เลี่ยงการตอบคำถาม
    3.3 ตัดสายทิ้งไม่ยอมตอบถามลูกค้า (เป็นการกระทำไม่มีมารยาท และขาดจรรยาบรรณ)
    3.4 ไม่ยอมให้เบอร์ติดต่อตัวเองกับลูกค้า ซึ่งเบอร์ที่เธอให้มานั้นกลับเป็นเบอร์คนอื่นที่ไม่สามารถรรับเรื่องต่อได้

4. เบอร์ติดต่อที่ทางตัวแทนติดต่อมานั้น กลับเป็นเบอร์ที่ไม่สามารถโทรกลับได้ ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นนโยบายรึเปล่า ที่จะไม่ให้ทางลูกค้านั้นติดต่อกับทางตัวแทน ผมพยายามโทรกลับเบอร์ที่ตัวแทนโทรมาแต่กลับโทรไม่ได้ (ทางธนาคารกรุงไทยไม่ต้องการให้ลูกค้าติดต่อกลับตัวแทนหรืออย่างไร)

ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้สึกผิดหวังกับการบริการของธนาคารกรุงไทยเป็นอย่างมาก และอยากให้ผู้อื่นนั้นอย่าหลงเชื่อการทำธุรกรรมแบบนี้เพราะเป็นการกระทำที่ไม่บริสุทธิ์ใจ

บทความนี้อาจจะมีกล่าวถึงชื่อบุคคลซึ่งผมไม่ได้มีเจตนาที่จะใส่ร้ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่นี้เป็นเรื่องทีเกิดขึ้นจริง และผมจะขอส่งบทให้กับธนาคารกรุงไทย เพื่อให้ทราบถึงหลักการทำงานกระบวนการการขายประกันของธนาคารกรุงไทย ซึ่งที่ไม่ได้เป็นไปอย่างสุจริตใจ และอาจทำให้คนบางคนถูกหลอกเหมือนอย่างเช่นเดียวผมเอง

หากทางธนาคารกรุงไทยตอบกลับมาแล้วผมจะมาเขียนต่อไป

ในวันที่ 4 กรกฎาคม พศ. 2555
ผมได้รับ การตอบกลับผ่านทาง Email ครับ และทางคุณปรัศนีได้ติดต่อทางโทรศัพท์เวลา 9.46น. แจ้งว่าจะส่งเรื่องไปให้กับทาง KTC เพื่อตรวจสอบเนื่องจาก ธนาคารกรุงไทยกับ KTC มีการบริหารงานแยกส่วนกัน ดังนั้นเธอจึงส่งเรื่องไปให้แก่ทาง KTC ต่อไป โดยส่งผ่านทาง mail และได้ทำการ CC ผม ในช่วงเวลา 10.06 น.

หลังจากนั้น ช่วงบ่ายก็มีเจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามาเวลา 15.49 น. เจ้าหน้าที่ได้สอบถามเรื่องราวและผมได้เล่ารายละเอียดให้ฟังอีกครั้ง

ซึ่งทางผมกับทางเจ้าหน้าที่ก็ได้สรุปประเด็นไว้สองอย่างว่า

1. กรมธรรม์ที่มีกระบวนการขายไม่สุจริตใจครั้งนี้ จะต้องไม่มีการเกิดขึ้นทั้งสิ้น เพราะทางผมได้แจ้งยกเลิกกับทางคุณคุณนีรนุช นิลใบ  และจะไม่มีการ charge ค่าใช้จ่ายของกรมธรรม์มาที่บัตร KTC เด็ดขาด

2.ทางผมอยากทราบว่าทางบริษัทประกันนั้นจะมีการดำเนินการอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้รับเรื่องนี้เพื่อนำไปตรวจสอบ  ดำเนินการต่อไป และจะแจ้งผมกลับอีกคร้ง










วันที่ 5 กรกฎาคม พศ. 2555
ผมคาดว่าทางหน่วยงานรับเรื่องนั้นยังคงดำเนินการอยู่ เพราะว่าผมยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ

วันที่ 6 กรกฎาคม พศ.2555

ผมได้รับการติดต่อจากทางคุณสมใจ ซึ่งได้โทรมาขอโทษ และได้แจ้งการดำเนินการของฝั่งธนาคารกรุงไทย ซึ่งทางบริษัทได้มีมาตรการให้ทาง คุณนุชนาถ  ดอกชะเอม พ้นสภาพการเป็นพนักงาน ส่วนในเรื่องกรมธรรม์นั้นจะได้ยกเลิกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางผมรู้สึกตกใจสำหรับมาตรการดังกล่าวที่ถึงกับการให้เธอหมดสถานะการเป็นพนักงาน ผมจึงได้สอบถามว่าใช้หลักการที่เด็ดขาดกับการกระทำแบบนี้ และผมก็ได้รับคำตอบว่า การกระทำแบบนี้ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงและไม่อยากให้พนักงานท่านอื่นทำตาม

และเรื่องนี้ก็ได้จบลง


ขอบคุณหน่วยงานทั้งหมดที่ช่วยให้เรื่องนี้ยุติครับ

ขอบคุณครับ


แม้ผมจะได้รับแจ้งว่าทางบริษัทยังไม่ได้ไล่พนักงานออก แต่ผมก็ไม่เอาความอะไรต่อ

บทเรียนที่ได้จากการเรียนรู้ครั้งนี้ในมุมมองผม
ผมเชื่อว่าการมีประกันเป็นสิ่งที่ดีเพราะผมก็มีซื้อไว้เช่นเดียวกัน แต่ผมซื้อกับตัวแทนโดยตรง ซึ่งผมรู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับการซื้อประกันผ่านทางโทรศัพท์

-ตัวแทนจะเสนอหลายๆแบบให้เราเลือกแถมอธิบายอย่างละเอียดให้เวลาสอบถาม (ในขณะที่ขายผ่านทางโทรศัพท์จะเสนอแบบที่เค้าต้องการพูดแบบเร็วๆ คิดไม่ทัน)
-ตัวแทนจะให้เวลาเราในการตัดสินใจ (ในขณะที่ขายผ่านทางโทรศัพท์จะพยายามอ่านเงื่อนไขเร็วๆ และให้เราตอบรับให้เร็วๆ)
-ตัวแทนจะมีเบอร์ติดต่อให้เราปรึกษาได้ตลอด (ขายผ่านโทรศัพท์แทบจะติดต่อคนขายไม่ได้เลย ขายแล้วตามมีตามเกิด claim เอง เบิกเอง ถึงเวลาพนักงานรอรับเงินอย่างเดียว )
-บอกเลิกสัญญาได้ (ขายผ่านโทรศัพท์หรอ ผมต่อแล้วต่ออีกกว่าจะได้ เรียกได้ว่าจะเก็บตังไปเรื่อยๆ หากเราไม่พยายาม)
-ความจริงใจของพนักงาน ตัวแทนจะมาพบเราติดต่อเราประจำ (แล้วขายผ่านโทรศัพท์ละ ไม่เคยเห็นหน้าสมัครแล้วก็ตามมีตามเกิดไปเถอะ)

จากบทสรุปแล้วสำหรับผม ผมยังรู้สึกถึงการติดต่อตัวแทนมากกว่าครับ เพราะประกันเป็นสินค้าที่ดูแลคุณไประยะยาว ไม่ได้ซื้อแล้วจบเลย 






บทความรู้เรื่องการขายประกันทางโทรศัพท์ 
http://www.tsi.co.th/tips.asp?tid=193
"หลังจากตกลงซื้อกรมธรรม์ภายใน 7 วันหลังจากส่งกรมธรรม์ไปให้ผู้เอาประกันแล้ว บริษัทจะต้องโทรศัพท์ไปขอคำยืนยันจากผู้เอาประกันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันยังมีระยะเวลาในการขอยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย (free look period) ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับกรมธรรม์จากบริษัท ในกรณีนี้ผู้เอาประกันจะได้รับเบี้ยคืนเต็มจำนวนโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้บริโภคต้องการทราบว่าผู้เสนอขายได้ข้อมูลของตนเองมาได้อย่างไร ตัวแทนก็ต้องแจ้งถึงแหล่งที่มาของข้อมูลของผู้บริโภคด้วย "